Apple Special Event กับสมาชิก iPad ใหม่

ภาพจาก guardian.co.uk

ผ่านไปแล้วกับงานที่ใครหลายคนรอคอย กับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่จากทางค่าย Apple กับผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ด้วยการคาดการณ์ล่วงหน้าว่าจะมีทั้ง iPad ขนาดใหม่ และ Macbook Pro จอเรตินากับขนาดใหม่ให้หลายคนได้ลุ้น มาดูกันว่ามีอะไรที่ถูกเปิดตัวมาบ้าง

งานนี้มีชื่อว่า Apple Special Event ซึ่งถือว่าเป็นการจัดติดๆ กัน 2 ครั้ง หลังจากที่เพิ่งจะเปิดตัว iPhone 5 และ iPod มาหมาดๆ ในเดือนกันยายน 2555 โดยในงานนี้มีขึ้นที่ California Theatre โดยจัดตรงกับเวลาที่ไทย 00:00 ของวันที่ 23 ข้ามวันที่ 24 ตุลาคม 2555


แรกเริ่มการเปิดตัว เริ่มงานด้วยการพูดถึงตัวเลขที่เกิดขึ้นตามสไตล์โดย Tim Cook – CEO ของทาง Apple โดยอย่างแรกที่ถูกหยิบขึ้นมาพูดได้แก่ iPhone 5 ซึ่งมียอดขายในสัปดาห์มีมากถึง 5 ล้านเครื่อง ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดเท่าที่เคยมีมาในบรรดา iPhone ทุกรุ่น และ iOS6 ที่มีการ upgrade กับเครื่องที่สามารถใช้งานได้ในตอนนี้มีมากถึง 200 ล้านเครื่องแล้ว (แต่ไม่มีการพูดถึง Apple Maps ให้เจ็บใจเล่นแต่อย่างใด ฮา)


Tim Cook ได้พูดถึงหลายๆ คุณสมบัติใน iOS ที่ถูกใช้งานอย่าง iMessage ที่สำหรับใช้แชทกันระหว่างเครื่อง iOS และ Mac ซึ่งเลขที่ถูกเครมไว้ มีจำนวนข้อความที่ใช้งาน 28,000 ข้อความต่อวินาที และมีข้อความทั้งหมดที่ถูกส่งนับตั้งแต่การเปิดตัว iMessage เมื่อปีที่แล้ว (2011) มากถึง 3 พันล้านข้อความ

และ Photo Stream ที่เป็นอีกหนึ่งคุณสมบัติ ได้มีการแชร์รูปภาพ(แชร์แบบบางที่หลายๆ คนอาจจะไม่รู้ตัวก็ได้ว่าเปิดใช้งานอยู่) ว่ามีกว่า 70 ล้านรูปภาพแล้ว — ลองเปิดไปดูว่าคุณได้เปิดใช้งานหรือเปล่าที่ Settings > iCloud > Photo Stream และดูรูปได้ที่ Photos เลือก Photo Stream

แน่นอนว่าจะต้องพูดถึงจำนวนแอพที่ใช้งานได้บน iOS โดยปัจจุบันมี iOS แอพทั้งหมด 750,000 แอพ โดยสามารถใช้บน iPad ได้ 275,000 แอพ รวมแล้วมีจำนวนการดาวน์โหลดทั้งหมด 35,000 ล้านครั้งแล้ว และมีเงินเข้ากระเป๋านักพัฒนาไปแล้วกว่า 6,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

สิ่งแรกที่ถูกเปิดตัวนั่นคือ iBooks 3.0 ที่เพิ่มการออกแบบมาให้รองรับภาษาจีนและญี่ปุ่น และเพิ่มตัวเลือกด้วยการเลื่อนขึ้นลงเพื่อเปลี่ยนหน้า จากเดิมที่จะทำได้แค่พลิกหน้าจากซ้ายไปขวาเพียงอย่างเดียว ตอนนี้ใครที่ใช้อยู่ก็กด update ได้เลยครับ

และมีการเปลี่ยนคนพูดเป็น Phil Schiller ขึ้้นมาพูดเกี่ยวกับสินค้าตระกูล Mac โดยตอนนี้ MacBook เป็นคอมพิวเตอร์แบบพกพาที่ขายได้มากที่สุดเป็นอันดับ 1 ในสหรัฐฯ แล้ว โดย Phil หยิบเอา MacBook Retina ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อคราวนี้แล้วมาพูดถึง โดยในครั้งก่อนมีการเปิดตัวขนาดแค่ขนาดจอ 15 นิ้วเท่านั้น และในครั้งนี้มีการเปิดตัวขนาดใหม่ที่เล็กกว่าเดิมและราคาเอื้อมถึงได้ง่ายขึ้น (เสียเงินได้ง่ายขึ้น) นั่นคือขนาด 13 นิ้ว

สนนราคาที่สหรัฐฯ และของไทยก็ตามนี้เลยครับ หรือจะเข้าไปดูได้ที่ Apple Store Thailand

นอกจากนี้มีการอัพเกรด Mac Mini น้องสุดท้องของ Mac ซึ่งมีทั้งแบบธรรมดา และ Server เริ่มกดสั่งได้แล้วเช่นกันครับ

และต่อมาคือ iMac ที่ design ดั่งเดิมมาตั้งแต่ปี 2007 และในครั้งนี้ก็มีการเปลี่ยนตัวโครงเป็นครั้งแรกให้ “ขอบ” บางกว่าเดิมถึง 80% และจอที่เปลี่ยนไปเพื่อลดการสะท้อนมากขึ้นกว่าเดิม ทำให้ดูความชัดเจนของจอได้ดีขึ้น


และมีการเพิ่มลูกเล่นใหม่ในการอ่านข้อมูลให้ได้เร็วขึ้น นั่นคือ Apple Fusion Drive (นึกถึงการ์ตูนดรากอนบอลทันที) คือเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของที่เก็บข้อมูลซึ่งจะทำงานโดยใช้ทั้ง SSD และ Harddisk ในการเก็บข้อมูล ทำให้ทำงานในโปรแกรมหรือแอพที่เราต้องการได้เร็วและดีขึ้นจากการแยกเก็บตาม drive ที่เราต้องการ แต่เราจะต้องซื้อ SSD เพิ่มเองนะครับ ไม่ได้มีให้ในอุปกรณ์มาตรฐาน

ราคาก็ยังคงตามเดิมกับรุ่นก่อน แต่เน้นว่าถ้าจะใช้ Fusion Drive ต้องซื้อเพิ่มเองนะครับ Apple Store


สุดท้ายมาถึงไฮไลท์ของงาน นั่นคือ iPad โดย Tim Cook ได้พูดถึงก่อนว่าตอนนี้มี iPad (3 รุ่น) ถูกขายไปแล้วกว่า 100 ล้านเครื่อง (โห) โดยในไตรมาสที่ 2 ของปี 2555 จำนวนการขายของ iPad ได้ถูกขายไปมากกว่าผู้ผลิต PC และ Laptop เจ้าอื่นๆ ไปแล้ว รวมทั้งปริมาณการใช้ข้อมูลเมื่อเทียบกับแท็บเล็ตด้วยกัน iPad มีมากถึง 91%


โดยในตอนนี้เริ่มมีการใช้ iPad เพื่อการศึกษากันกว้างขวางขึ้น โดยเอามาแทนที่หนังสือเล่มหนาๆ (textbooks) และในทางธุรกิจ มีบริษัทที่ติดอันดับใน Fortunes 500 มี 94% ที่เริ่มเอา iPad มาใช้งานกันอย่างจริงจังแล้ว


จากนั้น Phil Schiller ก็กลับมาบนเวทีอีกครั้ง เพื่อมานำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ของ iPad โดยชิ้นแรกถือว่าเป็นสิ่งที่สร้างความประหลาดใจอยู่พอสมควร เพราะเป็นการเปิดตัว iPad รุ่นที่ 4 ซึ่งใช้ CPU A6X ที่เร็วกว่าเดิม 2 เท่า, Wi-Fi ที่เร็วกว่าเดิม และใช้ช่องใหม่อย่าง Lightning ที่เหมือนกันกับ iPhone 5 อีกด้วย (มีขายที่เสียบเพื่ออ่าน SD Card ด้วยนะ) โดยเรียกชื่อรุ่นว่า iPad with Retina Display -_-”

เรียกได้ว่าทุกอย่างแทบจะเหมือนกันหมดทุกอย่างจาก The new iPad…และราคาก็เท่าเดิมครับ

และ…

สุดท้ายจริุงๆ นั่นคือผลิตภัณฑ์ใหม่จริงๆ นั่นคือ iPad ที่เล็กลง หรือ iPad Mini ที่มีขนาดจอเหลือ 7.9 นิ้ว จากปกติ iPad มีขนาดอยู่ที่ 9.7 นิ้ว (เหมือนเล่นกลับเลขกันนะนี่) และจะเปลี่ยนการใช้วัสดุด้านหลังจากอลูมิเนียมเป็นพลาสติกสีขาวและดำแทน

ถ้ามาดูความละเอียดของจอแล้วจะพบว่าไม่มีความต่างกันเลยกับ iPad 2 นั่นคือ 1024 * 768 นั่นเอง ดังนั้นแอพที่ใช้งานได้อยู่แล้วบน iPad 2 ก็จะสามารถใช้งานได้เหมือนเดิม (นักพัฒนาสบายไป) และแน่นอนว่าก็มีการหยิบคู่แข่งอย่าง Nexus 7 ที่เพิ่งเปิดตัวไปมาเปรียบเทียบ ก็พบว่า ด้วยหน้าจอที่ใหญ่กว่าของ iPad Mini ย่อมทำได้ดีกว่าในการแสดงผลของหน้าจอ รวมไปถึงการใช้งานกับแอพต่างๆ ด้วย ซึ่งยกตัวอย่างแอพ TripAdvisor มา

แน่นอนว่าจะต้องใช้การเชื่อมต่อแบบใหม่อย่าง Lightning และแน่นอน(อีกแล้ว) ด้วยการออก Smart Cover ขนาดจิ๋ว เรียกว่า Smart Cover มาไถเงินตามเคย

ส่วนราคา ก็ตามนี้ครับ และรอบนี้ขายพร้อมกันกว่า 30 ประเทศ (รวมประเทศ MBK เข้าไปเหมือนเดิม) ในวันที่ 2 พ.ย.2555 นี้ — กทม ก็พบกันวันที่ 3 พ.ย.

มาถึงความเห็นส่วนตัวของผมนะครับสำหรับงานนี้ของ Apple

สำหรับตระกูล Mac ทั้งหลายก็ไม่ค่อยมีอะไรเหนือความคาดหมายนัก ไม่ว่าจะเป็น Macbook Po จอ Retina ซึ่งยอมลดตัวลงมาตลาดกลางหลังจากที่ออกเป็นตัวทอปไปในครั้งแรกราคา 7 หมื่นกว่าๆ มามีตัวเลือกเหลือ 5 หมื่นนิดๆ และนอกจากนั้น การมาของ iMac new look ที่บางแบบโกงๆ คือบางตรงขอบจอแต่บวมท้ายเหมือนเดิมทำให้น่าสนใจขึ้น และจุดที่น่าสนใจคือการมาของคุณสมบัติล่าสุดที่จะมีในเฉพาะ iMac นั่นก็คือ Fusion Drive แต่ถ้าจะให้แรงขึ้นก็ต้องจ่ายเงินซื้อ SSD ใส่ไปด้วย แต่สำหรับผมแล้วถือเป็นข้อดีอย่างมากในการทำงาน ซึ่งดูแล้วน่าจะทำให้การทำงานที่ต้องอ่านเขียนข้อมูลทำได้เร็วและดีขึ้นกว่าเดิมมาก

ส่วน iPad ที่ออกมา 2 รุ่นใหม่ นั่นคือ iPad 4th Gen กับ iPad Mini ตัวหลังนี่ภาพหลุดแล้วหลุดอีก ส่วนตัวแรกถือว่าเกินความคาดหมายนิดๆ เพราะนอกจาก Apple จะยอมถูกล้อว่ายอมกลืนน้ำลายออกรุ่นใหม่ด้วย minor change (เปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย) แล้ว ยังเห็น Apple มีความพยายามเปลี่ยน Timeline ของผลิตภัณฑ์ตัวเองใหม่ให้มา่อยู่ปลายปีหมด ซึ่งนั่นก็หมายความว่าโอกาสในการขายของในช่วงก่อนปีใหม่มันก็จะมีสูงขึ้นนั่นเอง

ซึ่งนั่นหมายถึงว่าปีหน้าปลายๆ ปี เราคงจะได้เห็น iPad รุ่นใหม่กว่านี้ ถ้าผ่านวันที่ 20-12-2012 ไปซะก่อน…

สำหรับผมแล้ว iPad 2 ร่างเล็กหรือ iPad Mini น่าจะเป็นสินค้าที่ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ด้วยราคาที่มาฟัดกับคู่แข่งอย่าง Nexus, Fire HD หรือแม้แต่ Windows Surface ที่กำลังจะเปิดตัวในเร็ววันนี้ เชื่อแบบกินขนม(ส่วนตัว)ว่า Apple กินรวบแน่ๆ อีกตามเคย แต่ก็ต้องมาดูครับว่า Microsoft ที่กำลังจะเปิดตัว Surface ในอาทิตย์นี้จะออกมาแล้วสร้างความฮือฮาขนาดไหน เพราะดู Microsoft จะหวังกับผลิตภัณฑ์นี้ไว้อย่างมากเช่นกัน

แถมท้ายด้วยสเปคของคู่แข่งบน iPad Mini

ภาพจาก imore.com

ที่มา: Live blog The Verge

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.