ควันหลง Products จากศาสดา Jobs ในงาน Apple’s Fall Event 2010

เมื่อคืนวันที่ 2 กันยายน 2553 (00:00 GMT+7) เป็นอีกวันหนึ่งที่สาวกในไทยและทั่วโลกของศาสดานาม Steve Jobs เพื่อเฝ้ารอที่คอยการเปิดตัว product ใหม่ๆ ของ Apple ภายใต้สัญลักษณ์ของงานที่เป็น Acoustic Guitar รูป apple อยู่ตรงกลาง จากรูปที่ทาง Apple มาโชว์บนเวป หลายๆท่านรวมถึงผมเองก็คาดการณ์ไปในทางเดียวกันว่าจะต้องเป็นการเปิดตัว product ซึ่งเกี่ยวกับเสียงเพลง จะเป็นอะไรได้นอกจาก ipod ทั้งหลาย โดยเฉพาะ ipod nano ที่ครบปีที่จะออกรุ่นใหม่ และ iPod Touch ที่คาดกันไว้วางหน้าจออาจเป็นเหมือน iPhone 4 ที่เรียกได้ว่า โคตรชัด (Retina Display) ก่อนจะพูดถึงตัว product ผมขอพูดถึงข่าวต่างๆที่หลุดออกมา ไม่ว่าจะเป็นรูปที่หลุดตามเวปต่างๆ ชิ้นส่วนต่างๆ อุปกรณ์ รวมไปถึงข่าวลือต่างๆ ที่หลุดกันกระจุยร่วมเดือนได้ จะว่าไปแล้วนับตั้งแต่ครั้งที่ iPhone 4 เปิดตัว ที่หลุดปล่อยตัวเครื่องให้เวป gizmodo.com เอาไปขึ้นเวปเล่นๆ แล้วไม่นานก็ไปขอเค้ากลับมาคืน เลยเป็นที่สังเกตว่า ทำไมช่วงหลังๆ มา Apple ถึงยอมให้ข่าวถูกปล่อยออกมาเยอะขนาดนี้ ซึ่งถ้าเป็นเมื่อก่อนนี้ จะเป็นที่รู้กันกับคนที่ติดตามข่าวว่า Apple เป็นบริษัทนึงที่ปิดข่าวได้สนิทมากๆ กว่าที่เราจะรู้กันจริงๆว่าจะมี product ใหม่ๆอะไรจะเปิดตัว ก็เกือบจะถึงวันงานแล้ว แถมสิ่งที่รู้ เดาผิดเดาถูกก็เยอะแยะ ตรงนี้ไม่รู้เป็นความตั้งใจ(หรือจงใจ) ของทาง Apple เองหรือเปล่า…

ผมจะเจาะเฉพาะส่วนของ product นะครับ ส่วน intro อื่นๆนั้น เช่น Apple Store ใหม่ๆในต่างแดน, จำนวนยอดขาย ผมขอไม่พูดถึงนะครับ แนะนำให้ชมเวป appreview.in.th นะครับ โดยคุณหยก @yokekung และทีมงาน appreview.in.th

iPod Shuffle the 4th Gen

เป็นรุ่นที่อยู่นอกสายตาในงานนี้ที่จะถูกเปิดตัวจริงๆ หลังจากรุ่นที่แล้วที่ไม่มีปุ่มอะไรบนตัวเครื่องเลย แต่ใช้การสั่งการเล่นเพลงผ่าน remote ที่หูฟัง รวมไปถึง function ใหม่ VoiceOver ที่สามารถสั่ง playlist ผ่านระบบเสียง พอมาถึงรุ่นล่าสุด ปุ่มบนตัวเครื่องได้กลับมาคืนแล้วเหมือย คงเป็นเพราะความแป้กจากรุ่นที่แล้วที่เอาปุ่มออกทำให้ไม่สะดวกในการใช้งานเอาซะเลย ส่วน function ของรุ่นที่แล้วก็ถูกเข้ามาใส่เหมือนเดิม โดยรวมคือ ร่าง G2 + Function G3 (ร่างเกือบเก่า(ต่างที่ทรงจตุรัสมากขึ้น) function เหมือนรุ่นที่แล้ว)

น่าสนใจที่ราคา US ขายประมาณ 1500 บาท $49 แต่พี่ไทยประกาศขาย 2000 บาท และตอนนี้ทำเฉพาะความจุ 2 GB ครับ ไม่มี 4 G อีกต่อไป

ความเห็นส่วนตัว ใครมี shuffle อยู่แล้ว จงพอใจกับมันครับ ส่วนใครยังไม่มี ผมไม่แนะนำให้ซื้อ นอกเสียจากว่าคุณไปหิ้วมาได้ $49 ฟังขำขำ

iPod Nano the 6th Gen

เป็นรุ่นที่มีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง และเป็นการเปลี่ยนครั้งใหญ่พอสมควร จากขนาดที่หดเท่า iPod Shuffle เอา Click wheel ที่เป็นสัญลักษณ์หนึ่งของ iPod ออก แล้วเปลี่ยนการควบคุมการเล่นเพลงเป็นหน้าจอ Touch Screen และเป็น Multi Touch อีกต่างหาก สิ่งที่ถูกตัดออกไปจากรุ่นที่แล้วคือ กล้อง video ซึ่งค่อนข้างไร้ประโยชน์มาก เพราะมันถ่ายได้แต่ video อย่างเดียว

ที่จริงแล้วรุ่นนี้มีภาพหลุด เป็นภาพที่เป็นแผงหน้าจอขนาดประมาณ iPod shuffle มาก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งมีการทำนายว่าเป็นหน้าจอของ iPod Shuffle หรือ Nano รุ่นต่อไปและจะเป็น touch screen ซึ่งเป็นการเดาที่ถูกต้อง แต่สำหรับผมไม่อยากจะเรียก touch เท่าไหร่ อยากจะเรียกเป็น สะกิด screen มากกว่า เพราะว่า นิ้วทาบไป มันก็แทบจะบังหน้าจอไปซะหมดแล้ว การสะกิดหน้าจอ น่าจะเป็นการควบคุมที่เหมาะสมครับ ฮ่าๆ

หน้าจอ สามารถหมุน Rotate ได้เหมือนที่ทำได้ตั้งแต่รุ่น G4 แต่จะหมุนได้แต่ 2 ทางเท่านั้นนะครับ วิทยุยังมีให้เหมือนเดิม ครับ จะว่าไปแล้วรุ่นนี้มันคือ iPod Shuffle ที่สามารถ touch screen ได้นั่นเอง

ข้อเสียสำหรับการเอา Click Wheel ออกก็คือ มันไม่น่าจะเหมาะสำหรับการออกกำลังกายใน fitness ที่มีการกระแทก เพราะอาจทำให้หน้าจอ touch screen ได้รับความเสียหายได้

ราคาขาย อยู่ในช่วงเดียวกันกับที่ขายของ Gen ที่แล้ว คือ ความจุ 8GB 5400 บาท และ 16GB อยู่ที่ 6600 บาท

ความเห็นส่วนตัว ใครยังไม่เคยมีสินค้า iPod เลย หรือยังไม่เคยมี Shuffle หรือ Nano น่าซื้อมาสะกิดครับ แต่ผมเสียดายรูปทรงที่เปลี่ยนไปและ Click Wheel จริงๆนะ เฮ้อ

iPod Touch the 4th Gen

จากการที่ก่อนหน้า iPhone 4 เปิดตัวได้สวยงาม (หากไม่นับเรื่องเสาอากาศนรก) ในเรื่องการแสดงผลบนหน้าจอที่เป็นแบบ Retina Display รวมไปถึงความเร็วจาก A4 Chip และมีความหวังเล็กๆ ว่า เราจะได้เห็นหน้าจอแบบนี้กับ iPod Touch รุ่นใหม่ๆกับเค้าบ้าง และน่าจะมีกล้องบ้าง จะได้เอาไว้ถ่ายรูป…

การรอคอยสิ้นสุดลง เพราะตอนนี้ความหวังเราเป็นจริงแล้วด้วย iPod Touch ตัวนี้ เย่!

ความสามารถที่ทำได้บน iPhone4 ตอนนี้ได้ถูกยัดมาใส่ใน iPod Touch แล้ว ไม่ว่าจะเป็น iOS 4.1+GameCenter ที่จะทำให้เราไปท้าแข่งเกมส์กับเครื่องอื่นๆได้ (iOS 4.2 จะออกในเดือน พ.ย. ปีนี้), Retina Display หน้าจอคมชัด, Gyroscope 3 แกน , กล้องหน้าและกล้องหลังสำหรับถ่ายรูปและ Video ระดับ HD (720p) (ความละเอียดกล้อง 960 x 720) และเล่น FaceTime ได้ด้วย…

นั่นหมายความว่า สิ่งที่ iPod Touch the 4th Gen ต่างจาก iPhone 4 นอกจากการโทรศัพท์แล้ว ก็จะมีเรื่องกล้องหลังที่ความละเอียดน้อยมาก (จะให้มาซัก 1.3 ล้านก็ไม่ได้) นอกนั้น ทำได้หมด! (มั้ง?) ตอนที่ผมฟัง keynote สด ผมถึงกับร้อง เฮ้ย! ออกมาเลย เพราะว่าสิ่งนี้มันทำให้ผมลืม iPhone 4 ไปเลยจริงๆ เพราะมันไม่ใช่แฟนแต่ทำแทนได้หมดจริงๆ

ความจุที่มีให้ในรุ่นนี้ ออกมาเหมือนกับ iPhone 3GS และ iPhone 4 เป๊ะเลย คือ 8GB, 32GB และ 64GB และราคาของไทยคือ 7900, 10400 และ 13900 ตามลำดับ

ความเห็นส่วนตัว ใครมอง+เล็ง+ยึกยักกับ iPhone 4 อยู่ หันมาคว้าตัวนี้ไปเถอะครับ ประหยัดกว่าเยอะ ความสามารถไม่ได้ยิ่งหย่อน ยอดบัวงาม เอ้ยไม่ใช่ยิ่งยง แทบไม่ต่างกับ iPhone 4 เลยจริงๆครับ ผมกำลังจะสั่งอยู่เหมือนกันครับ v(^_^)v

Apple TV

ออกตัวไว้ก่อนนะครับว่า ส่วนนี้ผมไม่ค่อยมีความรู้ในตัว product series นี้เท่าไหร่นะครับ จะพูดไปตามคิดเห็นนะครับ ผิดถูกอย่างไรขออภัยล่วงหน้าเลย

AppleTV ได้เปิดตัวครั้งแรกเมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว โดยเค้าตั้งใจจะเข้ามา่เป็น media player ในบ้านเพื่อดูหนังภายในบ้าน (ช่วงนั้น media box ยังไม่บูมเท่าตอนนี้) โดยเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ Mac ในบ้านในการ transfer หนัง หรือ series ต่างๆ ลง device เครื่องนี้ ผ่าน iTunes ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ มันต้องทำการ sync ข้อมูลกันกับ Mac ครับ  ซึ่งเสียเวลามากๆ การ Sync นั้นให้นึกถึงการ Sync ข้อมูลของ iPhone แทบจะเหมือนกัน แต่ข้อมูลที่จะ Sync มีขนาดใหญ่มากเมื่อเทียบกับข้อมูลขนาดเล็กที่ Sync ผ่าน iPhone เหมือน iPhone ดังนั้นแล้วการ sync ก็จะต้องใช้เวลานาน รวมไปถึงช่วงนั้น Apple ยังไม่มีพันธมิตรที่เกี่ยวกับ digital media จะมาเข้าร่วมวงในการทำส่วนนี้ เลยออกจะแป้กพอสมควร

ด้วยเหตุผลข้างบน จึงเป็นเหตุให้ศาสดาออก AppleTV รุ่นใหม่ซึ่งตัดทุกสิ่งอย่างที่ทำให้เกิดปัญหาออกหมด ไม่ว่าจะเป็นการ Sync กัน โดยเอา Storage ออกไปเลย คือไม่มีพื้นที่ให้เก็บข้อมูล แต่จะเป็นการ streaming ข้อมูลผ่าน WiFi หรือสายแลนเลย ซึ่งแน่นอนว่า การจะเข้าุถึง Content นั้นต้องต่อ internet และอาจต้องเป็น High Speed ออกต่างประเทศแรงๆเท่านั้น (สำหรับเมืองไทย ถ้าเนตไม่แรงจริง อาจต้องทำใจครับ)

ตัวเครื่องจากรุ่นที่แล้วขายที่ $229 พร้อมความจุ 160GB แต่รุ่้นใหม่นี้ ตัด Storage ไป ทำให้กล่องเล็กลงกว่าเดิมมาก แถมยังมีช่อง HDMI ที่ต่อกับโทรทัศน์โดยตรง และที่สำคัญ Apple ตั้งราคาไว้ที่ $99 เท่านั้น (~3000 บาท)

ด้านการควบคุม สามารถทำได้ผ่านทาง Apple Remote ที่มีมาให้ หรือจะเอา iPod Touch, iPhone (และน่าจะรวมไปถึง iPad ด้วย) แปลงสภาพเป็น remote ควบคุม ผ่าน Wifi ไปเลย ถือว่าเป็นการใช้งานร่วมกันของ device ได้อย่างเต็มที่จริงๆ

สำหรับราคาของ Content เริ่มต้นที่ $0.99 เท่านั้น ซึ่งเป้นรายการ TV-Show หรือ Series ต่อ 1 ตอน และหากจะชมภาพยนตร์แบบ HD จะไม่มีการ Download มาเก็บ แต่จะเป็นการ Streaming ซึ่งทาง Apple เรียกว่า เช่า (Rental) ด้วยราคา $4.99 เท่านั้น (~150 บาท)

จากราคาของ device ที่ออกมาต่ำมากๆ ก็น่าจะสรุปได้ว่า Apple เข้าเนื้อตอนแรก ยอมขาย device ในราคาต่ำ แต่จะมาเอาคืน (แน่นอน)ในส่วนของ content ซึ่งกินกันได้ยาวๆ เลย

บทสรุป

Apple’s Event ที่มีมาเพื่อ present Product ใหม่ ทุกครั้ง มักทำให้โลกหยุดหมุนได้เสมอ เพราะความคิดของเค้าจะล้ำหน้าไป 1 ก้าวเสมอ ทำให้บริษัทอื่นๆ ต้องหันมองสิ่งที่เค้าทำอยู่เสมอ เพื่อมาปรับปรุงสินค้าของเค้าเองให้ตามทันสิ่งที่ Apple มี ส่วนเราเองเป็นผู้บริโภค เรามีสิทธิที่จะเลือกครับ เราไม่จำเป็นต้องตามสิ่งที่เค้าทำเสมอไป เพียงเราพอใจที่มีทางเลือกของเราเอง มีความสุขในสิ่งที่เรามี ที่เราทำ แค่นี้เราก็สุขแล้ว จริงไหมครับ 🙂

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.