มนุษย์ที่ไปเมืองนอกเมืองนามักจะต้องแช๊ะแล้วแชร์กันแบบ Real-Time ตามสไตล์ซึเนโอะ (ยืมจาก @arjin) และแน่นอน ส่วนสำคัญที่ขาดไม่ได้นอกจากสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตแล้ว อินเทอร์เน็ตก็มีส่วนสำคัญ (มาก) การไปโตเกียวจริงๆ แล้วมีหลายตัวเลือกมากสำหรับคนที่ติดเน็ต ซึ่งส่วนใหญ่จะเสียเงินแทบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นแบบ Roaming จากค่ายมือถือไปเลยซึ่งก็หลายพันอยู่ หรือแบบเช่า Pocket Wi-Fi จากเมืองไทยไปแบ่งๆ กันใช้เน็ต (ซึ่งอันนี้ใครไป 3-4 คนจะแซ่บมาก เพราะหารออกมาแล้วตกคนนึงเสียเงินกันเพียง 500-600 บาทเอง)
แต่ใครที่ไปแบบตัวคนเดียวอย่างผม ตัวเลือกต่างๆ ทุกอันน่าสนใจหมดครับ แต่อย่าลืมว่าตัวหารคือ 1 นั่นคือคุณออกเองทั้งหมดเลยนะ! นั่นคือเหตุผลหลักของบล็อกนี้ที่เกิดจากความงกของผมที่ไม่ยอมเช่า Pocket Wi-Fi ไม่เปิด Roaming ไป เลยได้พบประสบการณ์การหา Free Wi-Fi ใช้ในโตเกียวมาแทน ซึ่งวิธีที่ผมจะเล่านี้หลายคนอาจจะเจอมาบ้างแล้วในเว็บอื่น แต่ไม่รู้แหละ ผมจะเล่า ผมไม่สน ฮ่าๆ
วิธีแรก ที่สถานี Tokyo Metro
วิธีสุดแสนจะคิดอะไรไม่ออกของผม ภายในสถานี Tokyo Metro แทบจะทุกสถานีจะมีสัญญาณ Wi-Fi ฟรีให้เราใช้งานในขณะที่เรารอรถไฟ (ในขณะที่…) โดยข้อจำกัดอยู่แค่ว่า สามารถใช้งานได้ 5 ครั้ง ครั้งละ 15 นาที หมายความว่าการใช้ 1 ครั้งเราสามารถใช้งานได้ 15 นาที และทุกๆ 15 นาทีก็จะมีข้อความเตือนให้เรากด Accept ครับ
เวลาจะใช้งานก็หาเลยครับ Metro_Free_Wi-Fi จากนั้นก็เล่นเลยครับ เร็วปรู๊ดๆ แต่เหมือนว่าจะเล่น Instagram ไม่ได้นะครับ นอกนั้น Facebook, Twitter เว็บไซต์ต่างๆ ได้หมด
วิธีนี้เหมาะมากกับมนุษย์ที่ใช้ Day Open Ticket แต่บางทีก็ไม่ต้องเข้าไปในสถานีก็ยังพอมีสัญญาณนะครับ
วิธีที่ 2 Starbucks
ที่นี่ได้รับคำแนะนำจากแคท @redlovetree ให้ใช้งานครับ…
ร้านกาแฟอำมาตย์ที่บางคนคิดสงสัยว่าทำไมมนุษย์เงินเดือนถึงไปกินกัน
(ขอนอกเรื่องแปป)…ต้องบอกไว้ก่อนครับว่ากาแฟที่ญี่ปุ่นหากไม่นับตู้กดแล้ว ตามร้านทั่วๆ ไป กาแฟตกแก้วนึงประมาณ 400 เยนขึ้นไป ซึ่งปกติแล้วกาแฟ Starbucks ราคาก็ประมาณนี้แหละครับ ผมกิน Latte แก้วขนาด Venti ตกแก้วนึง 460 เยน ประมาณ 150 บาท ซึ่งราคาก็แพงกว่าไทยนิดเดียวเอง และแน่นอนว่าเมื่อเทียบกับกาแฟร้านอื่นหากเลือกได้ คนก็คงเลือก Starbucks ก่อนแน่นอนด้วยมาตรฐานที่ไปกินที่ไหนก็เหมือนกัน
ดังนั้นการกิน Starbucks จึงไม่แปลกสำหรับมนุษย์เงินเดือนที่นี่รวมทั้งมนุษย์อวบไทยไปที่แฮ่ดที่ญี่ปุ่นด้วย
Starbucks ในญี่ปุ่นมีเยอะมากจนผมงง และทุกสาขามีที่นั่งสบายๆ หน้าหนาวก็มี Heater ให้อุ่นขึ้น (อุ่นมาก) และแน่นอนว่าที่นี่คือแหล่ง Free Wi-Fi ชั้นดี
การเข้าไปใช้งานนั้น จะต้องทำการ Register เสียก่อน โดยเราสามารถเข้าไปได้ที่ Link นี้ครับ https://service.wi2.ne.jp/wi2net/SbjReg/2/?locale=en ซึ่งผมแนะนำให้ทำที่ไทยเลยเพราะอยู่ในร้านจะใช้เน็ตไม่ได้จริงๆ ลงทะเบียน email และ password ที่ใช้งานได้เลยครับ จากนั้นก็จะได้เมลยืนยันและสามารถใช้ได้เลย
สำหรับ SSID จะชื่อ at_Starbucks_Wi2 สามารถใช้ได้ทุกสาขาที่เจอครับ (บางสาขาก็ไม่มีนะครับ แต่ส่วนใหญ่ผมเข้าๆ ออกๆ ประมาณ 10 ครั้ง จะเจอประมาณ 80-90%)
…ไปใช้แล้วก็อย่าลืมอุดหนุนกาแฟเขาด้วยนะครับ มีน้ำเชื่อมแปลกๆ ให้ลองด้วย
วิธีที่ 3 สมัครใช้บัตรเครดิต Visa แบบฟรีๆ
วิธีนี้ผมพบโดยบังเอิญครับ ในขณะที่ผมลอง SSID ไปเรื่อยๆ ผมก็เจอกับ SSID ที่ชื่อ Wi2Premium เมื่อเข้าไปแล้วก็จะเจอช่องให้กรอก Login แต่ถ้าสังเกตุดูด้านล่างจะเห็นว่ามันมีอะไรพิเศษๆ อยู่…
ใช่ครับ มันคือการให้ Register สำหรับผู้ใช้งานบัตรเครดิต Visa โดยสามารถใช้ได้ฟรีๆ 1 เลขบัตร ต่อ 1 วัน เราก็เข้าไปทำการกรอกรายละเอียด กำหนด login/ password และเลขบัตรเครดิตครับ โดยมั่นใจได้แน่ว่าจะไม่มีการตัดเงินในบัตรแต่อย่างใด และมีระยะเวลาการใช้งานหลังจากที่เรา register ไป 24 ชั่วโมงครับ ตอนนี้ใครที่ (หลงสมัคร) มีบัตรหลายใบก็ใช้ได้หลายวันครับงานนี้
วิธีที่ 4 สมัครผ่านแอป NAVITIME Japan
อันนี้สารภาพว่าเป็นวิธีล่าสุดที่ผมเพิ่งรู้และไม่ได้ใช้เสียด้วย มันเป็นการแจก Username / Password ให้ก่อนเลยตั้งแต่ก่อนเข้าประเทศ
วิธีการง่ายๆ ครับ ให้ดาวน์โหลดแอปบน iPhone, Android ชื่่อว่า NAVITIME Japan
เมื่อโหลดแอปและเปิดขึ้นแล้ว หน้าจอจะเห็นเมนู Free Wi-Fi Spots เมื่อแตะเข้าไปแล้วก็จะมีหน้าจอบอกวิธีการทั้งหมดรวมทั้งการขอ Username / Password ด้วย โดยแตะที่ Get Free Wi-Fi ID/Pass
เมื่อแตะไปแล้วก็จะมีกติกาบอกเล็กน้อย เมื่ออ่าน (ผ่านๆ) แล้วก็แตะที่ Issue ด้านล่างของจอครับ เพื่อให้ระบบทำการสร้าง ID Password ขึ้นมาให้ โดยสามารถใช้งานได้ 14 วัน นับวันแรกตั้งแต่การใช้งานครั้งแรก
ส่วนวิธีการ Connect ให้หา SSID ชื่อว่า 0000FLETS-PORTALS แล้วทำการ Login เข้าไปตามปกติครับ
พื้นที่สำหรับการใช้งานสามารถดูได้จากแอป หรือดูจากในเว็บที่นี่ครับ Wi-Fi Spot ก็โหลดติดไว้ครับไม่เสียหายแต่อย่างใด
ที่สุดท้าย Apple Store
ด้วยความที่ไม่ใช่สาวกเท่าไหร่ เพราะเป็นแค่ #ติ่งแอปเปิ้ล สถานที่ที่ผมจะเลิกใช้เวลาที่นึกอะไรไม่ออก ก็คงเป็นที่นี่ครับ Apple Store แค่อยู่หน้าร้าน หา AP ชื่อ Apple Store แล้วใช้ได้เลยครับ ไม่มีกติกาอะไรมากมาย
ทั้งหมดก็เป็นวิธีที่ผมใช้ (ยกเว้นข้อ 4) นะครับ ใครไปโตเกียวก็อย่าลืมเตรียมๆ ไว้หน่อยก็ดีนะครับ ^^