ช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา หลายๆคน รวมถึงผม คงมีความเชื่อที่ว่า ถ้าพูดถึงมือถือที่ครองใจผู้ใช้, ที่ใครๆ ก็อยากได้, อยากเป็นเจ้าของ รวมไปถึงตั้งหน้าตั้งตารอรุ่นใหม่ๆ ที่มีแต่ข่าวลือออกมาล่วงหน้าเป็นปีๆ คงหนีไม่พ้น iPhone จากค่าย Apple ไม่ว่าจะด้วยความทันสมัยในการออกแบบ การใช้งานที่แหวกทุกค่ายเป็นเจ้าแรกๆ ที่ไร้ปุ่ม(แม้จะมี Home button ก็ตาม) และคุณสมบัติที่เราได้ยินต้องร้องว้าวได้เสมอ แถมมี application เป็นแสนๆ ที่ออกมากระชากเงินจากกระเป๋าเงินเราเรื่อยๆ (รวมถึงผม แฮ่ะๆ) นี่เป็นสาเหตุหลักๆ ทำให้มียอดขายพุ่งขึ้นเรื่อยๆ อย่างไม่มีวันหยุด
แต่อีกฝั่งที่ไม่พูดถึงก็คงไม่ได้ ที่มาแรงแบบก้าวกระโดดมากๆในช่วง 1-2 ปีนี้นั่นก็คือ Android จากค่ายอากู๋ Google เพราะความที่เป็น Open source ที่เปิดกว้างให้นักพัฒนามาต่อยอดสิ่งที่เค้ามีมาให้ และยังมีมือถือที่ออกมาสนับสนุนเยอะขึ้นเรื่อยๆ นั่นคือสิ่งที่ทำให้นักพัฒนายอมร่วมหัวจมท้ายกับ Google Android จนตอนนี้ Android มียอดผู้ใช้ขึ้นมาสูสีเทียบเท่ากับ iPhone เข้าไปทุกที
ทาง eMarketer ได้ทำการประเมินว่า หลังจากที่ Android แย่งส่วนแบ่งในตลาด US smartphone ที่มีเพียง 6% ในปี 2009 กลายมาครองถึง 24% ในปี 2010 ที่ผ่านมา เจ้าหุ่นกระป๋องเขียวนั้นจะยังคงแย่งส่วนแบ่งไปได้อีกอย่างต่อเนื่องจนถึงปี 2012 ซึ่งคาดการณ์ไว้ว่าจะมีผู้ใช้ Android ถึง 31% แซงหน้า Apple ซึ่งมีเพียงแค่ 30% ซึ่งเพิ่มมาเพียงเล็กน้อยจากปี 2009 จนถึง 2011 โดยดูได้จากแผนภาพ
สำหรับสาเหตุที่ทำให้หุ่นกระป๋องเขียว ทางนักวิเคราะห์ของ eMarketer Noah Elkin (รวมถึงความเห็นผม) เห็นว่าเกิดจากที่ Android เกิดจาก Open Source ซึ่งจะไม่มีการคิดค่า License สำหรับนักพัฒนา รวมถึงให้ผู้ผลิตมือถือรายใหญ่ๆ และผู้ให้บริการเครือข่าย ที่มีอยู่ในตลาดแทบจะทุก segment สามารถเลือกการปรับแต่งหน้าจอในแสดงผล ให้กับสิ่งที่ทางผู้ผลิตนั้นๆ ต้องการได้อย่างสบายๆ
ในขณะที่ฝั่ง Apple ใครที่อยากจะพัฒนา App มาขายใน AppStore จะต้องเสียค่าเข้า(ค่าต๋ง) iOS Developer Program $99/ปี หรือประมาณ 3000 บาทต่อปี และต้องทำตามกฏข้อบังคับและ spec มาตรฐานตามที่ทาง Apple กำหนดเท่านั้น
และด้วยเหตุผลนี้เอง จะทำให้ Android โตขึ้นอย่างรวดเร็วในด้าน ตัวเครื่องโทรศัพท์, ส่วนแบ่งตลาด, application และรายได้จากค่าโฆษณา
นอกจากนั้นจะเห็นว่า ค่ายที่เจอแย่งส่วนแบ่งไป กลับกลายเป็น RIM ผู้ผลิต Blackberry นั้นเอง ซึ่งโดยพื้นฐานปัจจุบันก็น่าจะเป็นจริง เพราะกระแส BB ทั่วโลกค่อยๆต่ำลงเรื่อยๆ ทั้งนี้ทั้งนั้น คงต้องรอดูกระแสของ Playbook ว่าเมื่อขายแล้วจะช่วยยื้อแย่งออกมาได้หรือเปล่า
ส่วน Microsoft หลังจากที่หายไปจากวงการตั้งแต่ Windows Mobile 6 ร่วมๆ 2-3 ปี ก็กลับมาด้วยความแรง(มากๆ)กับ Windows Phone 7 มาปลายปีที่แล้ว แต่ว่าตอนนี้กระแสนั้นก็เริ่มหายไปกับสายลมอีกแล้ว ก็คงต้องรอดูอีกทีว่า จะมีกระแสอะไรช่วยโหมให้ Microsoft กลับมาสู่การแบ่งเค้กชิ้นโตชิ้นนี้ได้อีกครั้งหรือไม่
และท้ายที่สุด ในความคิดของ Elkin ผู้ที่จะชนะเพียงผู้เดียวในศึก Mobile OS ครั้งนี้ คือผู้ที่สามารถทำให้จำนวนของ Smartmobile เพิ่มขึ้นมากที่สุด รวมไปถึงมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับผู้บริโภคอีกด้วย (มันแหงอยู่แล้ว)
ความเห็นส่วนตัว
เทคโนโลยีหรือกระแสนั้นเอาแน่เอานอนไม่ได้จริงๆ เพราะมันเกิดใหม่ขึ้นทุกๆวัน ซึ่งคงดูข้ามไป 2 ปีไม่ได้ อาจจะต้องดูเป็นรายครึ่งปีกันไป แต่สำหรับความคิดผม ลึกๆ แล้วผมยังเชื่ออยู่ว่า Apple ยังไงก็ยังคงเป็น Apple อยู่ดีครับ
ลองมาลุ้นกันหล่ะครับว่า iPhone5, iPhone6 vs Honeycomb, Ice-Cream bread อะไรจะอร่อย เอ้ย จะคว้าชัยในศึกนี้…
ที่มา : emarketer.com
