ใครที่ซื้อกล้องดิจิทัลในช่วงปีสองปีนี้คงจะเห็นฟังก์ชัน Wi-Fi ที่สามารถต่อกับสมาร์ทโฟน, แท็บเล็ตให้เราสามารถตกแต่งรูปพร้อมกับแชร์ขึ้นโซเชียลได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องอาศัยเครื่องคอมพิวเตอร์เหมือนกับสมัยก่อน แต่กล้องที่มีฟังก์ชันนี้ก็มีราคาที่สูงกว่ารุ่นทั่วๆ ไปอยู่บ้าง ซึ่งด้วยราคาหลายคนคงจะไม่กล้ากัดฟันซื้อ ซึ่งพอมาใช้งานจริงๆ เข้าเราเองก็อยากจะใช้แบบนี้บ้างอีก ครั้นจะให้ไปขายกล้องไปซื้อใหม่อีกตัวก็ใช่เรื่อง เลยมีอุปกรณ์ที่จะช่วยให้การย้ายรูปได้เร็วขึ้นนั่นก็คือ SD Wi-Fi
SD Wi-Fi ก็คือการรวมกันระหว่าง SD Card หรือที่เราเรียกติดปากว่าหน่วยความจำในการเก็บข้อมูล กับส่วนที่เป็น Wi-Fi ไว้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นแบบไร้สาย ซึ่งที่จริงแล้ว SD Wi-Fi นั้นมีการวางขายมาพักใหญ่ๆ แล้วครับ แต่ราคากับความจุนั้นถือว่าแพงมากๆ ในยุคนั้น (ผมเคยเห็นตั้งแต่มันราคาแพงมากๆ เมื่อเทียบกับความจุ จำได้คร่าวๆ 8GB ประมาณ 2-3000 บาท)
จนมาถึงตอนนี้ที่ผมถือว่าราคาลดลงมา สามารถซื้อหากันได้แบบไม่เจ็บตัวมากนัก ประกอบกับผมเองก็อยากจะเอามาใช้งานกับกล้อง Nikon J2 ที่ถอยด้วยความหน้ามืดช่วงลดราคา เลยถือโอกาสขอพูดถึง SD Wi-Fi ที่ผมหวดมาสดๆ ร้อนๆ โดยตัวที่ผมซื้อ ยี่ห้อว่า Transcend (จากไต้หวัน)
จริงๆ ที่ผมเจอมามีตัวเลือกอยู่ 3 ยี่ห้อคือ Eye-Fi, Toshiba และ Transcend สุดท้ายผมเลือก Transcend เหตุผลคือ ราคาถูก (พอๆ กับ Toshiba) และผมคุ้นยี่ห้อนี้มากกว่าในด้านหน่วยความจำครับ
ในกล่องของ Transcend จะมีตัว SD Card ที่มาพร้อมกับ Card Reader พร้อมคู่มือการใช้งานแบบเข้าใจง่ายๆ 2 เล่มเล็ก
การใช้งานกับกล้องก็ไม่มีอะไรมากครับ เสียบเข้าไปก็ใช้งานได้เลยเหมือนการใช้เมมโมรี่ถ่ายภาพปกติ ในส่วนของ Wi-Fi นั้นจะถูก Focus ไปบนหน้าสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตครับ โดยสามารถตรวจสอบว่า Transcend Wi-Fi SD Card ใช้งานกับกล้องของคุณได้หรือเปล่าที่นี่ Compatible List Transcend Wi-Fi SD Card
มาดูบนหน้าสมาร์ทโฟนกันบ้างนะครับ (ผมขอลองเฉพาะบนสมาร์ทโฟนนะครับ แท็บเล็ตก็ใช้งานเหมือนๆ กัน) โดยเราต้องไปดาวน์โหลดแอปพลิเคชันที่ชื่อว่า Wi-Fi SD จากบน App Store และ Google Play โดยหาด้วยคำว่า Transcend ครับ ส่วน Windows Phone เสียใจด้วยนะ หึหึ…
เมื่อเราติดตั้งแอปเสร็จแล้ว ให้เราเปิดกล้องที่เสียบ Wi-Fi SD Card ไว้ โดยระวังการตั้งระยะเวลาการปิดเครื่องอัตโนมัติ เพราะถ้าถึงเวลา Auto Turn-off แล้วแอปจะไม่สามารถเชื่อมต่อกับกล้องทันทีครับ เมื่อเปิดเครื่องเสร็จแล้วให้มาที่สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต เข้าไปที่เมนู Wi-Fi จากนั้นให้เราเลือกอุปกรณ์ที่จะเชื่อมต่อ โดยมีชื่อว่า WIFISD แล้วกรอก passsword ไป (default คือ 12345678) เมื่อเชื่อมต่อแล้วก็ให้เข้าไปที่หน้าแอปพลิเคชันครับ
การเข้าไปครั้งแรกจะเจอ Quick Setup โดยเป็นการตั้งค่า 2 อย่างคือ การเข้าถึงตัว Wi-Fi SD Card และการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตในระหว่างการใช้งานต่อกับ Wi-Fi SD Card (ตรงนี้จะไม่ตั้งก็ได้นะครับ แต่ถ้าอยากเล่นเน็ต Wi-Fi ด้วยก็ใส่ SSID และ password ครับ) จากนั้นก็ Save ค่า
หน้าแอปจะมีเมนู 3 หัวข้อใหญ่ๆ คือ
- Browse คือเข้าไปดูว่าในตัวการ์ดมีภาพอะไรบ้าง โดยมีลักษณะเหมือนกับ Windows Explorer โดยเราสามารถเก็บไฟล์รูปไว้อยู่ภายในแอปหรือเก็บไว้ในโทรศัพท์ได้ โดยแตะที่ปุ่มล่างซ้ายในการ Save รูป ส่วนปุ่มกลางมีไว้ดูรายละเอียดของรูป โดยมี ชื่อไฟล์, ความละเอียด, ขนาดไฟล์, วันเวลาที่ถ่าย, Shutter Speed, ISO
และเมนูนี้จะสามารถเข้าได้ตลอดเวลา ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ต่อกับ Wi-Fi SD Card ก็ตาม โดยรูปที่จะแสดงก็จะมีเฉพาะรูปที่เก็บไว้จากการโหลดลง App Folder เท่านั้นส่วนการเลือกรูป เราสามารถเลือกได้พร้อมๆ กันหลายรูป ด้วยการแตะที่ Select ก่อน จากนั้นเลือกรูปที่ต้องการและเลือกปลายทางที่เราจะเก็บครับ (เข้าแอปหรือเข้าเครื่องสมาร์ทโฟน)
- Shoot & View เมื่อแตะเข้าไปแล้วจะเป็นหน้าจอธรรมดามีรูปกล้องถ่ายรูปพร้อมให้กด Shutter และเมื่อกล้องถ่ายภาพปั๊ป ภาพนั้นก็จะแสดงผลบนหน้าจอทันที โดยจะมีความหน่วงในการแสดงผลหลังจากกด Shutter จนโผล่มาหน้าจออยู่ประมาณ 10 วินาที
- Settings เมนูสำหรับเข้าไปตั้งค่าต่างๆ เพิ่มเติม ใช้ username/password admin/admin ซึ่งจะมีเมนูในระดับ advance ที่เราสามารถตั้งค่าได้ รวมไปถึงการตั้ง Internet Hotspot สำหรับการใช้งานอินเทอร์เน็ตระหว่างการต่อกับตัวการ์ด (แต่ไม่แนะนำให้ตั้งค่าใดๆ เพิ่ม นอกจากตั้ง Power Saving Mode ใน Wi-Fi Options)
ส่วนมุมซ้ายบน Re-Scan คือปุ่มไว้หา Wi-Fi SD Card ใหม่กรณีที่หลุดครับ
การแชร์รูปบนโซเชียลมีเดีย ตรงนี้ผมถือเป็นจุดด้อยที่ทาง Transcend ออกแบบมาให้ใช้งานยากครับ ทุกๆ อย่างเลยยากไปเสียหมด สิ่งที่พอจะแนะนำได้คือการเอารูปมาใส่ไว้บน Camera Roll ก่อน แล้วค่อยจัดการแชร์ต่ออีกครั้ง
บนคอมก็ใช้ได้นะ!
นอกจากเราจะเปิดในสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตแล้ว เรายังใช้เปิดดูรูปกันแบบไม่ต้องถอดออกมาเสียบกับเครื่องได้เช่นกัน โดยมีข้อแม้ว่าจะต้องต่อแบบ Wireless เท่านั้น (เหมาะกับ laptop) โดยให้เราต่อ Wi-Fi WIFISD เหมือนกับการใช้บนสมาร์ทโฟน ใส่ password 12345678 (default) จากนั้นพิมพ์ 192.168.11.254 แล้วใส่ admin/admin ก็จะเข้าสู่หน้าจอของ Transcend เหมือนกันกับการใช้แอปครับ
ว่ากันมายืดยาว (ไหนว่าเป็นฉบับว่องไว) มาดูข้อดี-ข้อเสียที่ผมเจอกันดีกว่าครับ
ข้อดี
- แอปหาการ์ดได้อย่างไม่มีปัญหา เฉลี่ยเวลาในการหาและเชื่อมต่ออยู่ประมาณ 10-15 วินาที
- การโหลดรูปจากการ์ดมาแสดงบนหน้าจอและลงเครื่องไม่ช้าจนเกินไป ด้วยการที่การ์ดเป็น Class 10
- ฟังก์ชัน Shoot & View แจ่มมาก
- ราคาถูกกว่า Eye-Fi (ราคาพอๆ กัน แต่ได้ความจุต่างกันเท่านึง)
ข้อเสียแบบเต็มๆ เลย มีอยู่ 2-3 อย่างครับคือ
- สูบแบต! เพราะไม่สามารถเปิด-ปิด Wi-Fi ของตัว SD Card ได้ ทำให้มันกินแบตกล้องไปโดยปริยายและทำให้เครื่องร้อนจี๋ แต่แก้ไขด้วยการเข้าไปที่แอป > Settings > Wi-Fi Options แล้วตั้งค่า Power Saving Mode ให้ปิดการใช้งานอัตโนมัติ
- ไม่สามารถแชร์ไปยังโซเชียลได้โดยตรงตั้งแต่รูปอยู่ในการ์ด จำเป็นต้องดาวน์โหลดมาไว้ที่เครื่องก่อนเสมอ
- แอปยังออกแบบไม่ดี ใช้งานในส่วนเสริมต่างๆ ยาก
สรุปแล้ว มองว่า Transcend เหมาะกับการโหลดรูปมาไว้ที่ตัวเครื่องเพื่อจัดการต่อได้ดีครับ แต่ตัวแอปทำได้แย่ครับ ซึ่งถ้ามองภาพการใช้งานหลักในการดูดภาพมาไว้ที่เครื่องผมถือว่าทำได้ดีแล้วครับ
สนนราคาของตัวนี้ 1690 บาทครับ ที่รัานในฟอร์จูนชื่อ หน่วยความจำวันนี้ (บอกตรงๆไม่ได้ฮะ 555)
ใครที่สนใจก็ลองหากันมาใช้งานนะครับ