แอบดีใจกับตัวเองที่เริ่มเขียน blog ด้วยตัวเราเองบ้าง โดยที่จริงแล้วได้จากคนที่รู้จักกันทาง twitter ทั้งนั้นเลย ไม่ว่าจะเป็นแรงบันดาลใจและแรงยุของพี่อ๊อด @Thinkafe , คุณ(พี่)บอล @kafaak ,คุณหยก @yokekung และ คุณมิน @phrommin รวมไปถึงรายการสังคมโอเคที่ nation radio ที่ทำให้ผมอยากเขียนอะไรกับเค้าบ้างตามประสา ซึ่งที่จริงแล้วเวลางาน, เวลาพักผ่อนแทบจะไม่มี เพราะงานที่ทำนั้นน้อยเหลือเกิน ฮ่าๆ
ก่อนที่จะได้เขียน blog นี้ กังวลพอสมควรว่าเราจะเขียนอะไรดี แล้วพอจบอันนี้ ฉบับต่อไปจะเขียนอะไรต่อ เลยปรึกษาพี่อ๊อด @Thinkafe พี่เค้าบอกไปว่าอยากเขียนอะไรเขียนเลย ผมเลยเสนอไปว่า ผมจะเขียนเรื่องความบ้า IT ของผมเอง ซึ่งพี่เค้าก็บอกโอเค ทิ้งข้อความไว้ให้คิดนิดหน่อยว่าเขียน บ้าอะไร ที่ไหน อย่างไร เมื่อไหร่ ประมาณ what where when why
…เอา(ว่ะ)บ้าก็บ้าครับ ลองดูซักตั้ง
ก่อนจะไปเรื่องบ้าขอปูพื้นหนาๆ สำหรับตัวผมก่อนแล้วกันนะครับเดี๋ยวจะไม่รู้ที่มาที่ไป
ทุกคนมีความฝันรวมถึงตัวผม เพียงแต่ว่าความฝันผมนั้นเป็นความฝันแค่ลางๆ แต่ไม่รู้ว่าอยากจะเป็นอะไรดี รู้เพียงแต่ตอนเด็กๆ ผมชอบภาษาอังกฤษมากๆ ซึ่งรวมไปถึงการเริ่มสนใจเกมส์ scrabble (หรือ crossword) จนเป็นตัวแทนโรงเรียน มือวางอันดับ 3 ก็ว่ากันไป
และในเวลาเดียวกันผมได้เริ่มจับคอมพิวเตอร์เป็นครั้งแรกในชีวิต ได้เรียนวิชาคอมพิวเตอร์ ซึ่งตอนนั้นเป็นวิชาเสริม ต้องเสียเงินเรียนเพิ่มด้วย ถ้าจำไม่ผิด เดือนละ 200 บาท ได้เรียนเรียนภาษา Logo เป็นเต่าใส่ position และระยะในการวาดรูป บนจอสีเขียวๆ
ไม่นานนัก เนื่องจากว่าไม่อยากเสียตังค์ไปเรียนบ่อยๆ ป๊าเลยกัดฟันซื้อคอมให้ผมเครื่องแรก จำได้แม่นยำว่าเป็นยี่ห้อ Acer 386DXII ราคา 35000 บาทซึ่งแพงมากๆ ในตอนนั้น ตอนนั้น drive ที่มีให้ยังเป็น 5.25″ นิ้ว และเนื่องจากตอนนั้นแผ่น Windows 3.11 มีแต่แบบ floppy disk 3.5″ ถ้ามีปัญหาต้องลง Windows 3.11 ใหม่ ต้องแบกไปที่ร้าน Sahaviriya OA Center (ปัจจุบันคือ SVOA) เพื่อให้เค้าลงให้ ซึ่งช่างเค้าจะต้องเปลี่ยนแผ่น 3.5″ 30-40 แผ่นเพื่อลงให้สมบูรณ์ (โหดมาก) และตอนนั้นยังไม่มีโปรแกรม antivirus ที่เป็น software ต้องใช้การ์ดเสียบแยกต่างหาก ยี่ห้อ R&D (ปัจจุบันยี่ห้อนี้ยังอยู่ แต่เน้นการทำการ Undo ซึ่งเป็นการ์ดไว้ใช้ป้องกันความเสียหายของระบบและข้อมูล)
ในการซื้อคอมในตอนนั้น เค้ามีจัด course ให้ไปเรียนโปรแกรม Lotus 1-2-3 , dBase 3 plus และ SWORD (Sahaviriya Word อารมณ์เดียวกับ CW จุฬาเวิร์ด, RW ราชวิถี เวิร์ด) ซึ่งตอนนั้นเด็ก ป.6 ม.1 จับพลัดจับพลูไม่ได้อะไรมากครับ เลยจำไม่ได้อะไรสักอย่างนอกจากชื่อโปรแกรม
เด็กๆ หลายคนตอนนั้นจะเริ่มจับคอมก็เพราะเกมส์ ตอนนั้นเกมส์ที่มีให้เล่นก็มีอยู่ไม่กี่เกมส์ ต้องเล่นผ่านแผ่น Disk 5.25″ ที่จำได้แม่นเลยคือ Prince Of Persia ที่ด่านที่สองต้องมีแผ่นสูตรเอาไว้บอกขวดยาที่จะไว้กินเพื่อผ่านด่าน 2 กับ Golden Axe (เริ่มเชื่อยังครับว่าเก่าจริง ฮ่าๆ)
หลังจากช่วงนั้น ผมก็ห่างหายจากคอมพิวเตอร์ไปเลย มีได้ใช้บ้างแต่ก็ไม่เยอะมากเท่าช่วงแรกๆ มีการ upgrade คอมอยู่ 2-3 ครั้ง ผมจะไม่ค่อยได้แล้วว่า generation เป็นยังไง น่าจะมี Pentium 2 ที่เป็น CPU หนาๆใหญ่ๆด้วยอันนึง แต่วัตถุประสงค์เดียวของคอมในช่วงที่ผมอยู่มัธยมเลยคือ เอามาเล่นเกมส์ซะหมดเลย
จนถึงม.ปลายก็พอได้ใช้บ้างประปราย แล้วพอถึง ม.6 ช่วง Entrance ผมเองเจอบังคับเลือกคณะครับ พ่อผมเลือกให้ วิทย์-คอม ขอนแก่น แต่ผมอยากเดินตามพ่อคือทำเกี่ยวกับ Finance (พ่อผมทำงานธนาคาร และเป็นสาเหตุที่ผมชื่อแบงค์นั่นเอง) ก็เลือก 3 อันดับหลังเป็นเกี่ยวกับ การเงิน เศรษฐศาสตร์ไปเลย ทิ้งอันดับสุดท้ายไว้ที่ IT ม.สุรนารี ที่ติดแน่ๆ
คะแนนสอบตอนนั้น “โหล่ยโท่ย” มากๆ ออกมา 30-40 จะมีเชิดหน้าชูตาก็ภาษาอังกฤษที่ได้ 63 มั้งครับ คาดว่าเป็นการกินบุญเก่าตั้งแต่เด็กๆที่ผมชอบภาษาอังกฤษจนถึงปัจจุบัน
มาถึงวันประกาศผล สมัยนั้นเวลาลุ้นผล ต้องตระเวนหาร้านอินเตอร์เนต speed เนตก็ไม่ต่างกับ 56.6k เท่าไหร่ไม่เหมือนยุคนี้ เปิดไปลุ้นไป ผลออกมา ติดอันดับ 1 ครับ ร้องลั่นร้านเนตเลย นั่งดีใจกับน้องกับแม่ กลับมาที่บ้านให้พ่อขับไปที่ ม.สุรนารี เพื่อไปเชคอีกรอบ ก็ติดสมใจ ใครที่ยุคเก่าๆหน่อยต้องเข้ามากรุงเทพ มาลุ้นผลที่บอร์ด ม.เกษตร จุดเทียนมาส่องกันตั้งแต่กลางคืน
ไม่นาน ซองประกาศผลอย่างเป็นทางการ ก็ถูกส่งมาที่บ้าน ในใบแจ้งมีการบอกผล ซึ่งจะบอกเลยว่า เราได้คะแนนเท่าไหร่ ปรากฏว่า อันดับ 1 วิทย์-คอม ขอนแก่น ที่ผมได้ เกินคะแนนต่ำสุดมาครึ่งคะแนน อันดับ 2-3 ไม่ติดครับ ถ้าหลุดไปก็อยู่ ม.สุรนารีไปเลย…โคตรโชคดีไหมหล่ะครับ ครึ่งแต้มก็เปลี่ยนชีวิตคุณได้
เป็นไงบ้างครับการเริ่มต้นสู่โลกคอมพิวเตอร์บ๊องๆบวมๆของผม Blog หน้าจะมาต่อตอน 2 ชีวิตในมหาวิทยาลัยขอนแก่นของผมครับ 😀
โอ้ … Prince of Persia ภาคแรก ผมจำได้เลย เล่นกับ 80286 (IBM รุ่น Teradrive สมัยนั้น แพงโคตรๆ ซื้อเพราะ มันเป็นเครื่องเกม Sega Megadrive ในตัว … แบบเสียบตลับกับจอยแล้ว เล่นเกมได้เลย)
Golden Axe จำได้แม่น ก็เล่นกับเจ้าเครื่องคอมฯ Teradrive ตัวนี้แหละ 555 ไม่ได้เล่นบนคอมฯ หรอกนะ ขี้เกียจติดตั้ง สมัยนั้น HDD คอมฯ ผมแค่ 30MB แรม 2MB เองอ่ะ แต่เล่นเกมได้หลากหลายไม่เบาทีเดียว
ท่าทางแบงก์จะพลาดเกมดีๆ ไปอีกเกม (หรือไม่ได้พูดถึง?) คือ Alone in the Dark เกม 3D Advanture เกมแรกๆ ของโลกเลยทีเดียว (แต่เกมแนวนี้เริ่มมาฮิตสุดๆ หลังจากความดังของเกม Resident Evil/Bio Hazard อะ) ตอนนั้นใครจะเชื่อว่า เกม 3D สามารถเล่นบนเครื่องระดับ 80386 แรม 4MB ไ้ด้ หึหึ
จริงๆ การเล่นเกมในสมัยก่อนนี่ดีนะ เพราะทำให้เราต้องเก่งคอมฯ ไปโดยปริยาย เนื่องจากการติดตั้งอุปกรณ์อย่าง CD-ROM หรือ การ์ดเสียง นี่ ต้องเขียน Config กันเองเลย (จำได้ไหม Command.sys กะ Autoexec.bat 555 … ผมลืมไปหมดแล้ว T-T)
สมัยผมต้องเล่นผ่านแผ่นลูกเดียวเลย เสียง read แผ่นดังสะท้านทรวง เวลาทำ write protect ก็ต้องเอาสก๊อตเทปมาแปะไว้ classic ดี ฮ่าๆ
ส่วนเกมส์ที่พี่บอลบอกมา ผมไม่ได้เล่นจริงๆแฮ่ะ ตอนนั้น
แต่จำ Autoexec.bat กับ run.bat ได้เต็มตาเลย ฮ่าๆ