อายุ 43 ก็มาเป็นสาวรำวง ไม่ใช่สิ… เผลอแว้บเดียวตัวเองก็อายุเลยหลักสี่ที่ใครหลายคนชอบพูดแซวว่าเป็นหลักแก่อีกเลเวลถัดจากเลขสาม ซึ่งถ้าคิดอีกมุมก็สยองอยู่เพราะอีกไม่กี่ปีก็เลขห้าเข้าให้แล้ว
วันเกิดผมจริงๆ คือ 24 ตุลาคม ซึ่ง ณ วันที่พิมพ์อยู่นี้เลยมา 6 วันเข้าให้แล้วเพิ่งจะมาเปิดคอมในห้องเพื่อพิมพ์เรื่องนี้ ซึ่งก่อนจะมาพิมพ์บรรยายความแก่ บอกตามตรงว่าอยากจะมาเขียนบล็อกสไตล์บล็อกเกอร์ฉบับดั้งเดิมอย่าง “43 ข้อของน้องแบงค์ฉลอง 43 ขวบ” ไรงี้ ถ้าสัก 10 ปีที่แล้วก็คงจะเขียนอยู่ แต่ตอนนี้แค่คิดก็ขี้เกียจละ แล้วก็ล้มความอยากไปอย่างรวดเร็ว
วันเกิดปีนี้น่าเสียดายที่ผมไม่ได้อยู่ที่บ้านโคราช ซึ่งปกติแล้วผมมักจะลาหยุดในวันนี้ แต่ด้วยความที่ผมเพิ่งลา(หนี)ไปเที่ยวญี่ปุ่นและวันที่ 23 ซึ่งเป็นวันหยุดปกติดันมาอยู่กลางสัปดาห์ เลยจำเป็นต้องอยู่ที่กรุงเทพฯ ไปโดยปริยาย แล้วค่อยกลับบ้านช่วงเสาร์อาทิตย์แทน
ซึ่งการกลับไปรอบนี้ก็เรียบง่ายไม่มีอะไร อยู่บ้าน เล่นกับหมา กินข้าว (ชิวเล้าชาบูเหมือนเดิม) กับป๊ากับน้อง ตื่นมาไปวัดไปหาไหว้ม๊า กินส้มตำ แล้วก็เตรียมกลับกรุงเทพ ซึ่งที่บ้านไม่มีเป่าเค้กกันมานานแล้วน่าจะตั้งแต่ม๊าเสียไป และด้วยความที่อายุเยอะกันแล้ว การเป่าเค้กจึงเหลือแค่ในที่ทำงาน ซึ่งน้องๆ พี่ๆ ทีม Accenture ที่ทำงานด้วยกันและในทีม PMO (Project Management Office) พยายามเรียกตัวไปประชุมซึ่งซ่อนเค้กอยู่ แต่สุดท้ายผมลุกไปไหนไม่ได้เพราะติดคุยงานอยู่จนน้องๆ เอาเค้กมาถวายให้แทน ขอบคุณมากเลยครับ
ส่วนตอนเย็นโดนแก๊งตัวยืนลากไปกินข้าวต้มบุฟเฟ่ต์ที่ CentrePoint อโศก ร้านที่ไปกินกันประจำ ซึ่งก็เจอเหตุการณ์แกร้บไบค์น้ำมันหมดคาถนนแต่เราก็ยังคงเดินไปกับพี่เขาจนเขาไปเติมน้ำมันและพาเราไปถึงที่หมาย ตอนนั้นไม่รู้เป็นไรเหมือนกันที่ใจเย็นมาก เพราะใจร้อนไปก็เท่านั้น นี่คงเป็นสัญญาณความชราอย่างหนึ่ง
อีกอย่างที่ต้องสารภาพคือ ผมจะได้ข้อความอวยพรอยู่พอสมควรบนช่องทางออนไลน์ต่างๆ ซึ่งด้วยธรรมเนียมผมเองที่จะตอบทุกข้อความที่มีการพิมพ์มาหาผม แต่ปีนี้ เวลานี้ ผ่านไปจะอาทิตย์แล้วผมยังตอบกลับไม่หมดเลย ไม่ใช่ว่าเยอะขึ้นนะ แต่ตรงข้าม ซึ่งผมไม่ค่อยสนเรื่องปริมาณตัวเลขเท่าไหร่ เพราะการที่เขาตั้งใจที่จะพิมพ์หรือส่งข้อความมาหาเรา นั่นคือสิ่งที่ดีที่สุดแล้วจริงๆ ดังนั้นสิ่งที่ผมทำได้ก็คือการพิมพ์ขอบคุณตอบกลับด้วยรายละเอียดที่เราพอจะทราบหรือรู้จักเขา ไม่ให้รู้สึกว่าเหมือนเป็นบอทกด Love แล้วบอกขอบคุณครับ แค่นั้น
การที่พิมพ์กลับมันคือการได้ตั้งใจอ่านสิ่งที่เขาเขียนมาให้เรา ดังนั้นเราก็จะได้รับรู้ว่าเขาต้องการสื่อหรืออวยพรอะไรเรานั่นเอง
ย้ำว่าสิ่งที่ทำมันเป็นธรรมเนียมของผมเองนะครับ
แต่ก็ต้องยอมรับว่าเมื่อขวบปีที่เพิ่มขึ้น เพื่อนหรือคนรู้จักก็ย่อมหล่นหายไประหว่างทางด้วยจังหวะเวลาและชีวิตที่แตกต่างกันไป แต่ก็โชคดีแค่ไหนที่ยังมีคนที่เขาเลือกที่จะรู้จักกับเราด้วยแง่มุมต่างๆ
และต้องยอมรับอีกอย่างว่าคนที่เราหวังไว้ว่าจะมาอวยพรเขากลับไม่มา แต่ก็นั่นแหละครับ เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องที่เราไปบังคับใครได้ซะที่ไหนกันเล่า…
ถ้ามองย้อนกลับเร็วๆ สำหรับผม ปีนี้เป็นปีที่รู้สึกอึดอัดในเรื่องการงานที่รู้สึกไม่ได้ใช้สิ่งที่ตัวเองมีความสามารถหรือเป็นสิ่งที่เราน่าจะทำได้ดี แม้ว่ามันจะพอทำได้ก็ตามที เรายังรู้สึกแฮปปี้กับโลกแห่ง Content และ Creative ที่เกลียดการใช้ AI เพราะไร้ซึ่งความเป็นมนุษย์และความคิดสร้างสรรค์ที่มาจากประสบการณ์และจินตนาการของคนมากกว่าเป็นไหนๆ
ในความอึดอัดเรื่องงานหลักก็ยังดีที่ได้รู้จักกลุ่มน้องๆ ที่ตามไอดอลด้วยกัน ที่ชวนกันคิดกันทำ Content เลยรู้สึกว่าเราได้ความสนุกและมุมมองใหม่ๆ ที่ทุกคนพร้อมรับฟังความคิดเห็นของเราและเราก็พร้อมรับฟังเช่นเดียวกัน เลยทำให้รู้สึกว่าเรายังมีไฟในเรื่องทำ Content อยู่แม้ว่าเราจะไม่ได้ทำแบบ Solo อย่างที่เคยทำก็ตาม
คิดว่าเราก็คงจะยังหาแนวทางทำและคิดอะไรใหม่ๆ ทำที่ทำให้เรารู้สึกได้ใช้สมอง ได้คิด และได้ลงมือทำจริงๆ แม้ว่ามันจะไม่ได้ทันสมัยหรือล้ำแบบ AI ก็ตาม ด้วยจังหวะของเรานี่แหละมันจะทำให้ไม่ต้องไปตามอะไรใหม่ๆ ให้ทันตลอดเวลา แค่ให้ใจเราทำแล้วมีความสุขไปกับมันก็พอ
สุดท้ายแล้วพออายุมากขึ้น เราจะโหยหาสิ่งที่ทำแล้วเป็นสุขมากกว่า รวมไปถึงปล่อยวางอะไรได้เร็วกว่าเมื่อก่อนแม้จะปล่อยได้ไม่หมด 100% ก็เถอะ แต่ก็ยังปล่อยได้บ้าง
ยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่ต้องทำ บัตรคอนเสิร์ตที่ซื้อเอาไว้ก็ยังไม่ได้ดู ความคิดที่อยากจะลาโลกไปจากที่เคยคิดมาตั้งแต่ช่วงเลข 3 ก็เริ่มจางหายไปบ้าง แต่ก็คิดเรื่องความตายที่อยู่ใกล้ตัวมากขึ้น เพราะเราจะไปเมื่อไหร่ตอนไหนก็ได้
ย้อนกลับไปเมื่อปีที่แล้วหรือปีก่อนนี่แหละ ผมเคยเขียนช่วงวันเกิดตัวเองไว้ว่า เราสามารถมีความสุขง่ายๆ กับสิ่งรอบตัว สำหรับปีนี้และปีถัดๆ ไปก็คงอยากให้เป็นแบบเดิม แม้ในภาวะแบบนี้ที่เต็มไปด้วยความตึงเครียดจากการงานและการใช้ชีวิตก็ตาม
ขอให้ทุกท่านที่อ่านจนถึงตอนนี้มีความสุขกับสิ่งรอบตัวในทุกๆ วันเช่นกัน แม้เป็นเรื่องเล็กน้อยแต่ถ้าเจอบ่อยๆ ความสุขก็ขนาดใหญ่ขึ้นได้เช่นกันครับ