“ตอนเด็กๆ เคยฝันว่าอยากเป็นอะไร?” …คำถามที่ผมไม่เคยตอบได้จนถึงทุกวันนี้

คืนวันก่อนในวงสนทนาที่ผมชอบเข้าไปฟังอยู่บ่อยๆ มีการตั้งคำถามขึ้นว่า “ตอนเด็กๆ เคยฝันว่าอยากเป็นอะไร?” มันเป็นคำถามที่ง่ายมากเลยนะสำหรับหลายๆ คน และเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ก็ตอบออกมาอย่างง่ายดาย เพราะมันคือความทรงจำและความฝันที่ในตอนนี้อาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่ฝันแล้ว แต่สำหรับผมแล้ว คำถามนี้กลับเป็นคำถามที่ยากมากสำหรับผม และที่สำคัญ ผมไม่มีคำตอบให้คำถามนี้ …ว่างเปล่ามาก

ย้อนกลับไปวัยเด็ก ผมโตมากับการแวะไปธนาคารที่พ่อทำงาน รวมไปถึงน้าที่ก็ทำธนาคารเหมือนกัน ด้วยความที่พื้นฐานในเวลานั้นที่เป็นเด็ก ก็ไม่รู้ว่าอยากเป็นอะไร มันก็เลยเหมือนกับทดๆ ไว้ในใจว่าถ้านึกอะไรไม่ออก เดี๋ยวคงทำธนาคารสานต่อเหมือนกับพ่อละมั้ง

นอกจากนั้นช่วงประถมก็มีโอกาสได้เรียนพิเศษคอมพิวเตอร์ และได้เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องแรกด้วย (จำได้แม่นว่า Acer CPU 386) ซึ่งเหมือนพ่อจะพยายามปูทางว่าให้รู้เรื่องนี้เอาไว้ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้อะไรนอกจากได้เล่นเกม Prince of Persia พร้อมแผ่นสูตรกินน้ำทิพย์เพื่อผ่านด่านไปด่านถัดไป และเรียนเขียนภาษา Logo ที่เอาไว้วาดรูป ซึ่งตอนนั้นก็จำอะไรไม่ได้ ได้แค่เรียนก็เรียนไปแบบเสียเปล่าทั้งเงินทั้งเวลา

อ้อ ช่วง ป.5-ป.6 ผมเริ่มมารู้จัก scrabble หรือ crossword ที่เล่นยังไงก็ได้ที่ 3 ของโรงเรียน เพราะที่ 1-2 มันผูกขาดได้ตลอดเวลา 555 แค่ก็ทำให้ได้รู้ว่า เราชอบภาษาอังกฤษนะแต่ก็ไม่ได้รู้ว่าชอบภาษาอังกฤษแล้วยังไงได้ แล้วเราอยากเป็นอะไรจากการชอบภาษาอังกฤษ เราก็ไม่รู้

จนแล้วจนรอดมาถึงมัธยม ผมก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองอยากเป็นอะไร เลือกสายก็เลือกตามความนิยมด้วยค่า default วิทย์-คณิต เรียนไปก็ไม่ได้ดีอะไร นอกจากภาษาอังกฤษที่โดดขึ้นมาจากคนอื่น จนเคยมีคิดว่า ถ้าเราเลือก ศิลป์-ภาษา ที่ตอนนั้นมีแค่ภาษาฝรั่งเศส ก็อาจจะเหมาะกับเรา แต่ก็ตัดขาดจากสิ่งที่พ่อวางเรื่องคอมพิวเตอร์เอาไว้

พอจะเข้ามหาวิทยาลัย ผมเองก็ไม่รู้เลยว่าจะเลือกคณะอะไร แต่ที่บังคับมาเลยคือคณะอันดับ 1 พ่อจะเป็นคนเลือกให้ ส่วนที่เหลือผมเลือกเอง ซึ่งผมก็เลือกในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าน่าจะพอเรียนได้มั้ง คือ การเงิน เศรษฐศาสตร์ ด้วยความทรงจำในวัยเด็กที่เราเคยเห็นผ่านตา แต่ก็ไม่ได้ชอบ สุดท้ายคณะที่ได้ก็เป็นคณะที่พ่อเลือกให้อันดับ 1 นั่นคือ วิทย์คอม ขอนแก่น ด้วยพื้นฐานเขียนโปรแกรมไม่เป็นเลย รู้แค่เปิดคอมเป็นจริงๆ

เรียนไปแบบทุลักทุเล เพราะเขียนโปรแกรมไม่เป็นเลย แต่ก็จะมีวิชานึงที่เราชอบนอกจากภาษาอังกฤษ ก็คือ SA&D หรือ System Analysis and Design เป็นสิ่งที่เราอ่านแล้วเราพอเข้าใจและสนุกไปกับมันได้ ส่วนโปรเจกต์จบก็มีเพื่อนช่วยเรียนโปรแกรมให้ ส่วนเราดูเรื่องออกแบบ UI เอกสารทั้งหมด และการนำเสนอ ซึ่งกวาดรางวัลมาได้แบบงงๆ ในเวลานั้น (ตอนนั้นทำเรื่อง Neural Networks MRI

พอช่วงจะเรียนจบก็กลับมาสู่ปัญหาเดิมคือ ไม่รู้จะทำอะไรต่อ ด้วยตำแหน่งงานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ตอนนั้นยังไม่ค่อยมีอะไรหลากหลายเท่ายุคนี้ หลักๆ ก็จะเป็นโปรแกรมเมอร์เขียนโปรแกรม แต่ก็โชคดีที่มันมีอีกตำแหน่งขึ้นมาก็คือ Tester ซึ่งก็ย้อนกลับไปเรื่องผมชอบวิชา SA&D มันมีเรื่อง Testing อยู่ในนั้น สุดท้ายก็พยายามสมัครงานหลายรอบ ขึ้นลงกทม-โคราช หลายทีจนได้ทำงานที่แรกคือ Reuters Software

ตั้งแต่ต้นจนถึงได้งานแรก แม้กระทั่งตอนนี้ที่เป็นมนุษย์เงินเดือนมาปีที่ 22 ก็ยังไม่มีคำตอบให้อยู่ดีว่า จริงๆ แล้วผมนั้น “อยากเป็นอะไร” และก็คงคิดว่าคงตอบคำถามนี้ไม่ได้อีกแล้วในชีวิตนี้

เลยกลับมาคิดอีกเป็นอีกทางนึงว่า แล้วจริงๆ เราอยากทำอะไรบ้าง ไม่ใช่อยากได้อะไรบ้างนะ ซึ่งผมก็ลิสต์ออกมาได้ 3 อย่าง

  1. เขียนหนังสือ
  2. สอนหนังสือ
  3. ออกรายการแฟนพันธุ์แท้

เป็น bucket list ที่ดูเรียบง่ายและถ้าจากเส้นทางผมมันดูแทบเป็นไปไม่ได้เลย แต่ท้ายที่สุด Bucket List หรือ Wishlist ผมมีแค่นี้จริงๆ และทุกอย่างผมก็ได้ทำหมดแล้ว

ผมเองเคยคุยกับตัวเองหลังจากที่ได้ออกแฟนพันธุ์แท้ไปแล้วว่า เอ้อ เราทำครบแล้วนี่หว่า แบบนี้ถ้าเราตายเราก็ตายได้เลยแบบไม่ค้างคาใจแล้ว แม้ใจจะยังมีเรื่องคงค้างอยู่ว่า เรายังห่วงพ่อและน้องสาวว่าจะอยู่กันยังไง แต่ถ้าด้วยมุมมองของเรากับสิ่งที่เราอยากทำ ทุกอย่างสำเร็จหมดแล้ว

หัวข้อแฟนพันธุ์แท้ที่ผมอยากไปแข่งและพอจะรู้อยู่บ้างมีแค่ 2 หัวข้อ คือ เพลงไทย 90s, 00s และ GTH/GDH

มาถึงตอนนี้ ตอนที่กำลังนั่งพิมพ์แทนที่จะเอาเวลาไปนอนก็นึกไม่ออกแหละว่าจะได้เป็นอะไรต่อ แล้วจะชอบไหม แต่ที่ทำอยู่ทุกวันนี้มันก็ถูกหล่อหลอมมาจากความชอบหรือสิ่งที่ได้เจอระหว่างทางมาเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นภาษาอังกฤษ การรู้เรื่องคอมพิวเตอร์ การทำเคยทำงานด้านการตลาด การเป็นอาจารย์ หรือแม้กระทั่งการเขียน ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีอะไรเข้ามาต่อเติมอีกไหม แล้วมันจะพาเราไปที่ไหนต่ออีก

และถ้าผมได้ยินคำถามว่า ตอนเด็กๆ เคยฝันว่าอยากเป็นอะไร ผมคงเอาบล็อกนี้ส่งให้ เพราะผมก็ไม่รู้จะอธิบายอะไรเพิ่มอีก และคำตอบที่ผมอาจจะตอบได้ผมคงตอบว่า…

“หลังจากนี้อยากมีความสุขและทำให้คนอื่นมีความสุขในทุกๆ วัน จนกว่าผมจะลาไป”

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.