ไดอารี่หนีเที่ยวญี่ปุ่นเฉพาะกิจ #6 I Love Kanazawa

เป็นไงบ้างครับ อ่านมา 5 ตอนแล้ว เหนื่อยยังครับ (สารภาพตรงนี้เลยว่า คนเขียนโคตรรรรรรเหนื่อย และอู้มาก ฮ่าๆ) แต่เพื่อประโยชน์ของคนที่อยากจะไปเที่ยวเองแบบสะบัดบ๊อบใส่ทัวร์ได้อ่านกันแบบสนุกๆ ครับ ^^

เมืองสุดท้ายที่ผมจะไปเยือนก่อนกลับไปโตเกียว นั่นคือเมืองทีผมตั้งใจจะไปเยือนตั้งแต่แรก เพราะ…เพื่อนผมอยู่นั่นเอง (คิดอะไรกันอยู่ครับ!) ถ้าใครอ่านตอนแรก ผมจะบอกไว้เลยว่าคนที่ผมจะไปหานั่นคือ ตุ้ย @muuusiiik เพราะไอ้เพื่อนคนนี้ผมรู้จักตั้งแต่สมัยเรียนที่มารีย์ยันราชสีมาเลยทีเดียว ไหนๆ มาเยือนญี่ปุ่นแล้ว ก็เลยขอไปเมืองที่ตุ้ยมันเรียนหน่อยหล่ะกัน

แต่ก่อนผมจะเปลี่ยนเมือง ผมแอบไปเที่ยว Osaka ที่หอคอย Tsutenkaku ก่อน

ระแวกนี้เป็นร้านอาหารน่ากินเยอะมากครับและร้านค้าก็มีหลากหลายเช่นกัน (ผมเจอโค้กขวด 500cc ขวดละ 88yen ที่นี่ ซึ่งปกติหยอดตู้ 150yen ตลอด T_T)

ส่วนนี่ป้ายหาเสียงที่โอซาก้าครับ และเป็นอย่างนี้ทั้งญี่ปุ่น ติดป้ายเฉพาะที่ที่ให้ติดเท่านั้น …

จากนั้นก็กลับมาเอากระเป๋าที่ฝากไว้ แล้วลากไปขึ้นรถไฟจาก Osaka มุ่งสู่ Kanazawa แบบไม่ต้องเปลี่ยนขบวนครับด้วยขบวน Thunderbird ที่อาจไม่รวดเร็วเท่าชินกังเซน แต่ก็นั่งสบายไม่ต่างกันครับ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.40 ชม.ครับ

Kanazawa เป็นเมืองเล็กๆ ที่ผมไม่ค่อยรู้ว่าอะไรเป็นอะไรมากที่สุดในบรรดาเมืองทั้งหมด นอกจากสวนบอนไซที่สวยๆ แค่นั้น -_-”


แต่ที่ผมชอบคือ สิ่งปลูกสร้างหน้าสถานีครับ สวยมากมาย

ผมพักที่ Guesthouse ชื่อว่า Pongyi ซึ่งต้องบอกว่าเป็น Guesthouse ที่ผมประทับใจที่สุดจากที่พักทั้งหมดและตลอดทั้ง Trip นี้ เพราะด้วยความเป็นกันเองของเจ้าของบ้าน อย่างป้า Masaki และเจ๊ Yuko ที่แม้จะพูดภาษาอังกฤษได้ไม่คล่องปากนัก แต่ก็รับรู้ได้ถึงความพยายามในการสื่อสาร และรู้สึกได้ถึงความห่วงใยเรื่องน้ำท่วมจากปากของเค้า รวมไปถึงที่พักที่น่ารักมากๆ เอาใจผมไปครองเลยเต็มๆ

ยูกิบอกกับผมว่าที่ Pongyi เป็นโรงงานผลิตและโรงเก็บกิโมโนเก่า และห้องนอนผมเป็นโรงเก็บกิโมโน (หวังว่าคงไม่มีใครมาทวงผ้าคืนนะ บรึ๋ย…)

ตอนแรกมีแผนจะไปดูสวนบอนไซ แต่กว่าผมจะจัดการเรื่องกระเป๋าและคุยกับยูกิ ที่แกชวนคุยเยอะมากๆ ก็เริ่มมึดแล้ว เลยทำให้ต้องเปลี่ยนแผนไปดูวันรุ่งขึ้นแทน เลยจัดการโทรคุยก่ะตุ้ยให้พาไปกินข้าว สุดท้ายก็จบที่ร้าน Curry แถบๆ นั้น เป็นร้านของป้าคนนึง ทำเองทุกอย่างคนเดียว ได้ความรู้สึก Homemade มากๆ และที่สำคัญ อร่อยมาก! จานนี้ 780yen มั้ง (ถือว่าถูกหล่ะนะครับ)


จากนั้นตุ้ยก็พาเดินจากร้านแวะตามห้างเรื่อยๆ  ซึ่งก็มีห้างไม่เยอะมากนักในเมือง และผมก็เลยโซ้ย Royce กล่องนึงเพียวๆไปก่อนล่วงหน้า สักพักตุ้ยก็ต้องไปขึ้นรถไฟกลับไปที่มหา’ลัยต่อ เลยพากันเดินมาที่ JR Kanazawa ร่ำลากัน ผมก็กลับมาที่ Pongyi แล้วก็มาเจอ roommate ที่เพิ่งเข้ามา เป็นคนญี่ปุ่นต่างเมืองทั้งหมด ก็นั่งคุยกันแบบภาษาอังกฤษงูๆ ปลาๆ กันหมด แต่ทุกคนก็ถามเรื่องน้ำท่วมในไทยทุกคน

…มันบ่งบอกอะไร คนไทยย่อมรู้ดีนะครับ 😀

เช้าตื่นมาผมลงมาเจอคนที่เข้าพักที่เมื่อคืนไม่ได้เจอ เป็นผู้หญิง พอบอกว่าผมเป็นคนไทย แกทักภาษาไทยใส่เลย พูดได้ยาวกว่าประโยค Basic ซะอีก เลยถามไปว่ารู้ได้ไง สรุปคือ เพื่อนคนไทยเค้าเยอะ เลยสอนมาเรื่อยๆ นั่นเอง

หลังจากคุยเสร็จ ก็เดินเที่ยวในเมือง ได้แวะวัดชื่ออะไรก็ไม่รู้ รู้แต่มี Amway อยู่หน้าวัด (ตุ้ยมันเรียกว่าวัดแอมเวย์ไปหล่ะ ฮ่าๆ) ตุ้ยบอกว่าวัดนี้เด่นเรื่องความรัก มีรึที่จะพลาด อิอิ

อยู่ไหว้ประมาณ 20 นาทีก็เดินไปที่สวนบอนไซ Kenrokuen Garden ต่อ (จริงๆขึ้นรถบัสได้ แต่งก 555) มาถึงก็รีบเดินจ้ำอ้าวไปถ่ายรูปทันที แต่เนื่องจากอากาศค่อนข้าวขมุกขมัว ภาพที่ได้ ก็ได้ตามนี้ครับ

อีกสักพัก ทัวร์ลง มีทั้งคนญี่ปุ่นเอง และคนจีนเจี้ยวจ้าวมาแต่ไกล และผมก็กลายเป็นตากล้องให้กับนักท่องเที่ยวเหล่านั้น เพียงเพราะเห็นผมพายกล้องแค่นั้นเอง ตอนนั้นถ่ายไปประมาณ 10 กว่าคนได้ เข้าคิวมาเลยทีเดียว (น่าเก็บเงินชะมัด)

ไม่นานนักผมก็มาที่ป้ายรถเมล์เพื่อนั่งกลับไปเอากระเป๋าและไปขึ้นรถไฟกลับไปที่โตเกียว แต่ด้วยพลังของเจ๊ยูโกะ (รูปล่าง) เธอจึงชวนคุยและถ่ายรูปที่หน้าที่พัก จนเลยเวลาขึ้นรถ(อีกครั้ง) …ตกรถไฟอีกแล้วตู

ผมสัญญากับยูโกะว่า ผมจะกลับมาพักอีกเมื่อมา Kanazawa แน่นอน ซึ่งผมว่าผมได้ไปอีกแน่ๆ ผมชอบครับเมืองนี้จริงๆ ครับ ^_^

เมื่อถึงเวลารถไฟ ผมก็ขึ้้นไปตามปกติ พอนายตรวจมาถึงปัญหาก็ตามมา แต่ภาษาคืออุปสรรค สุดท้ายนายตรวจก็ควักกระดาษที่อธิบายเป็นภาษาอังกฤษ บอกว่า JR Pass ไม่ครอบคลุมเส้นทางนี้ เนื่องจากเป็นทางลัด ดังนั้นผมต้องจ่ายเงินเพิ่มประมาณ 2000yen ผมก็ต้องควักไปตามระเบียบพร้อมเหงื่อตกเพราะเงินที่สำรองไว้หลักหลังหักค่าห้องคืนสุดท้ายที่โตเกียวหมดแล้ว…

ใช้เวลาประมาณเกือบ 5 ชั่วโมง ผมก็ไปถึงที่พัก Khaosan Samurai อยู่แถวๆ Asakusa ซึ่งขอบอกว่าเป็นที่พักที่ผมเซ็งเป็ดที่สุดในทริป มีลูกบอกลูก มีหลานบอกหลานอย่าได้ไป!

คืนสุดท้ายในโตเกียว แบบสั้นๆ รออ่านได้ไม่เกินปีนี้ครับ (ได้ข่าวว่าเหลืออีก 5 วัน)…

Comments

  1. ตามมาให้กำลังใจจ๊ะ จะได้มีแรงเขียนตอนต่อไปให้เราอ่านเร็วๆ ^-^

  2. อ่านทุกตอนเลย กำลังจะไปเที่ยวเอง ขอคำแนะนำว่าจะ search หา guest house Pongyi ได้อย่างไร มีที่อยู่ ถนน ไหมค่ะ ช่วยหน่อยค่ะ จะได้รีบจอง เพราะจะเดินทางวันที่ 5 เมษา แต่ไปพัก Kanazawa คืนที่ 13 ค่ะ

  3. ดีใจที่เข้ามาอ่านครับ ^^

    เอาแบบง่ายๆ เลยนะครับ

    ออกจากสถานี JR Kanazawa แล้วให้ข้ามถนนไปอีกฟากของสถานีครับ แล้วเดินไปทางขวา เดินราวๆ 2 แยก (ราวๆ 400 เมตร) จะเจอ pongyi อยู่ทางซ้ายมือครับ จะเข้าซอยไปนิดเดียว(นิดเดียวจริงๆ)

    อันนี้แผนที่ครับ http://english.pongyi.com/index.php?access

    เที่ยวให้สนุกครับ ปลายปีนี้ผมจะไปหาเจ๊ยูอีกรอบ ผมชอบเมืองนี้ที่สุดแล้ว ^_^

  4. หาเจอแล้วค่ะ ไม่รู้ว่า ค่าที่พักจะขึ้นราคาหรือยัง 2600 เยนต่อคนต่อคืน ก็ถือว่าถูกค่ะ ไม่รวมอาหารเลย ใช่ไหมค่ะน้อง

  5. ราคาเท่าเดิมครับ ถ้าขึ้นอย่างมากก็ 200 เยน
    ไม่รวมอาหารครับ แต่แถวนั้นมีร้านสะดวกซื้ออยู่ครับ

    เดินทางปลอดภัยนะครับผม

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.