ขอสารภาพว่าเพิ่งจะมีโอกาสได้ดูรัก 7 ปีดี 7 หนกับเขาบ้าง ซึ่งหน้าหนังก็เป็นหนังสไตล์รักๆ วุ่นๆ อย่างที่ CTH เอ้ย GTH เขาทำออกมาเป็นปกตินั่นแหละ
และเมื่อดูจบไปก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่นักที่ตอนฉายในโรงจะทำรายได้และชื่อเสียงที่ “แป้ก” พอสมควร คือไม่ได้ดังอย่างที่หวังไว้ แม้จะใช้ดาราแม่เหล็กหลายๆ คนในค่าย โดยเฉพาะที่บินตรงมาจากเกาหลีที่เล่นได้เหล็ก(แข็งโป้ก)จริงๆ อย่างนิชคุณ หนังก็ยังพะงาบๆ เกือบไม่รอดเลยทีเดียว
สำหรับเนื้อหาและการลงรายละเอียดของหนัง ผมไม่ขอพูดถึงแล้วกัน จะบอกก็ได้แค่ว่าหลังๆ มาหนังไทยชอบทำตัวเป็นสำเพ็ง คือเน้นทำแบบจับมัดขาย 3 เรื่อง 4 เรื่องราคาส่งรวมกันมาแล้วเอามาฉายครั้งเดียวแบบยัดเยียดอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งมันบ่อยจนเริ่มเคยตัวแล้ว ถ้าขืนยังเป็นอย่างนี้อีกหนังไทยคงแย่ครับ
หรือเขาอยากจะบุกอุตสาหกรรมหนังสั้นอย่างเต็มตัว… จะบุกก็บุกไกลๆ เหอะ อย่ามาทำให้หนังโรงที่ควรค่าจะมีความยาวตลอดทั้งเรื่องชั่วโมงครึ่งหรือสองชั่วโมงเขาเสียเลย
กลับเข้าประเด็นดีกว่า…
ใน 3 หนังสั้นทั้งหมด ผมชอบเนื้อเรื่องของ “14” ที่เก้ากับปันปันเล่น ที่สะท้อนความเป็นจริงของสังคมในตอนนี้ได้อย่างดี เพราะในทุกวันนี้เราอยู่ในสังคมเสมือนที่เรียกติดปากว่า “Social Network” กันแทบจะทุกคน (ใช่ไหมครับ)
***อ่อ สปอยล้วน แต่คาดว่าทุกคนคงจะดูกันหมดแล้วหล่ะนะ มีผมดูช้าอยู่ไม่กี่คนหล่ะ***
14 ใช้ iPhone, iMac, Facebook, YouTube , การกด Like และ tie-in ด้วย pantip 3 gee ในการดำเนินเรื่องทั้งหมด แต่โดยสรุปแบบง่ายๆ แล้วคือ การประกาศก้องให้คนในโรงเรียนรู้ว่าตนมีแฟนมีคนรักผ่าน 6 สื่อทั้งหมดที่บอกไปเมื่อกี้ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อที่จะให้เป็นที่ยอมรับของคนบนโลกออนไลน์ด้วยความหวังจากการได้จำนวนการกด Like, การ comment ที่จะวิ่งมาหาเขา และเมื่อมีการกด Dislike หรือมีจำนวนการชมน้อย ก็จะทุรนทุรายถึงกับทำอะไรไม่ถูก…
ทั้งหมดนี้ที่ทำไปก็เพื่อที่จะถูกยอมรับโดยกลุ่มมนุษย์ที่อยู่ในสังคมเสมือนที่เราไม่รู้ว่าอะไรมันจริงหรือไม่จริงบ้างนั่นเอง ซึ่งในระหว่างนั้นก็มีปัญหาขึ้นกับทั้งสองคน…
ประเด็นของเรื่องก็คือ ฝ่ายชายการเลือกหาวิธีแก้ปัญหาด้วยการไปบอกใช้ช่องทางออนไลน์ทั้งหมดที่ตัวเองมี เลือกวิธีการหาพวก หาคำแนะนำ เพื่อที่จะได้แก้ไขสิ่งที่เขาเจออยู่ นั่นคือฝ่ายหญิงไม่พอใจเขาอย่างมากที่ไปแชร์คลิปการร้องเพลงวันเกิดให้บน YouTube
สุดท้าย ผลที่ได้ก็คือผู้ชายได้คำแนะนำจาก pantip และฝั่งหญิงก็เห็นทุกอย่าง แล้วทิ้งด้วยประโยคที่ว่า
“พี่ป่วนอยากทำอะไรก็ทำ อยากโพสต์อะไรก็โพสต์ไปเถอะ พี่ไม่มีมิลค์คนเดียวไม่เป็นไรหรอก มีคนรักพี่อีกเป็นหมื่นเป็นแสนคนในนั้น…”
ทั้งหมดนี้มันสะท้อนความเป็นจริงของสังคมของคนในยุคปัจจุบันที่ไปยึดมั่นถือมั่นกับคนที่อยู่ในโลกเสมือนจนเกินไป ไปถือจำนวน Like และความเห็นคนอื่นจนลืมฟังความคิดของตัวเอง รวมทั้งคนที่อยู่ใกล้ตัวเราจริงๆ
อันที่จริงแล้วหลายคนมักละเลยไปจริงๆ ไม่ต้องว่าเป็นเพื่อนสนิทหรือแฟนหรือชู้ (หรืออื่นๆ) แม้แต่พ่อแม่หรือคนในครอบครัว หลายคนละเลยจุดนี้ไปจริงๆ…เพราะมัวแต่สนใจแต่โลกออนไลน์ที่มีคนอยู่มากมายที่จับต้องไม่ได้ในเวลานั้นเพียงเท่านั้น
ลองมองคนรอบๆ ข้างหรือคนที่อยู่ในใจคุณให้มากกว่านี้ เอาใจใส่ให้ดี แล้วคุณจะพบว่า มันดี… ดียิ่งกว่าคนที่อยู่ในโลกออนไลน์ในยุคนี้ที่หาคนจริงใจได้ยากกว่างบเข็มในสระว่ายน้ำคอนโดเป็นสิบเป็นล้านเท่านัก
จริงใจนะ จากหมูหยอง ^^