เรื่องนี้มันแวปขึ้นมาตอนที่ผมกำลังนึกอะไรเล่นๆ ในร้านกาแฟที่เปิด 24 ชั่วโมง เป็นเรื่องที่ผมอยากจะถ่ายทอดออกมา แต่ว่าลืมทุกทีครับ 555 มานึกออกเอาวันนี้ ไหนๆ ก็นึกออกแล้วก็พิมพ์เสียหน่อยหล่ะกัน
ผมมีความเชื่อที่ติ๊งต๊องอย่างนึงครับว่า เวลาใครที่ผมรู้จักออกผลงานอะไรสักอย่าง ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงผมจะพยายามอุดหนุนครับ คือ ผมเข้าใจอย่างสุดซึ้งครับว่ากว่าที่คุณจะผลิตผลงานอะไรมาสักอย่างหนึ่ง คุณต้องเปลืองตัว เปลืองเวลา เปลืองสมองมากขนาดไหนกว่าที่จะได้มันมาจนมันออกมาวางขาย
อีกอย่างคือผมมองว่าผลงานทุกชิ้นนั้นมีคุณค่าครับ มีคุณค่าพอที่ไม่ต้องเจียดมาแจกฟรีให้กับคนที่สนใจ
เอาจริงๆ ผมก็เคยแจกหนังสือนะ แต่ผมแจกเพราะอยากแจก
แต่ถ้าในมุมผมเป็นคนที่ไม่ใช่เจ้าของ ผมไม่อยากได้รับการแจกครับ ผมอยากไปอุดหนุนมากกว่า
ผมจำได้ว่าคุณโน้ตอุดมเคยเดี่ยวไมโครโฟนอยู่ครั้งนีง เขาบอกว่า เขาเจอคนทักในลิฟท์ โดยทักว่า “ขอบัตรฟรีหน่อย” ด้วยความรู้สึกตอนนั้นของผม จำได้เลยว่าผมชื่นชมคนที่พูดขอบัตรว่า “อีนี่หน้าด้านจัง” 555
ไม่ต่างกับความรู้สึกผมในปัจจุบันครับ เพราะถ้ามีคนมาขออะไรอย่างนี้จากผม ผมก็จะพูดในใจเช่นนั้นเหมือนกัน
สิ่งที่ผมอยากได้ยินจากปากเวลาคนเห็นผลงานของเรา เมื่อเรามีผลงาน คือ “เดี๋ยวจะอุดหนุน” ความรู้สึกมันคนละขั้วกับการบอกว่าขอบัตรฟรีหน่อยเลยนะครับ ซึ่งผมไม่รู้หรอกว่าเขาจะไปอุดหนุนจริงหรือเปล่า แต่ได้ยินแบบนี้ผมมีกำลังใจแล้ว
ไม่ใช่เที่ยวไปแบมือขอของจากคนอื่น
ล่าสุดผมไปเยี่ยมบูทหนังสือของเพื่อนตั้งแต่สมัยประถม ผมหยิบหนังสือมา 1 เล่มจะอุดหนุน เพื่อนบอกว่า ไม่ต้อง เอาไปเลย ประโยคที่ผมตอบกลับไปคือ เฮ้ย ไม่เอาๆ จ่ายๆ ของซื้อของขาย เพราะผมเชื่อว่าผลงานนี่มันมีคุณค่าพอที่จะบอกว่า เฮัย มีอะไรอยากให้ฟรีไหม
นอกจากหนังสือแล้ว เรื่องตั๋วอะไรต่างๆ ถ้ามีงานที่ผมพอจะไปได้โดยจะต้องมีบัตรเข้าไป ผมก็ยินดีมากที่จะอุดหนุนบัตรเข้างาน แม้ว่าจะมีข้อเสนอว่าให้เข้าฟรีก็ตาม ผมรู้สึกว่าหลายๆ คนน่าจะต้องการเข้าร่วมงานอย่างมากด้วยสิทธิที่มีอยู่จำกัด ดังนั้นหากมีการที่จะต้องเข้าไปจองหรือซื้อบัตร ผมก็ยินดีที่จะเข้าคิวหรือเข้าจองตามกติกา เพื่อให้สิทธิในการเป็นเจ้าของบัตรเท่ากัน
นอกเสียจากว่าเขาต้องการให้เราเข้ามาร่วมงานจริงๆ จังๆ อันนี้ก็ต้องดูว่าจะไปได้หรือให้สิทธิกับคนอื่นได้
นี่แหละครับ เรื่องที่ผมจะบ่น หวังว่าจะมีคนเข้าใจบ้างนะครับ…