เพิ่งจะครบปีเรื่อง ฮาวทูทิ้ง ไปหมาดๆ พอพูดถึงเรื่องนี้ก็จะนึกถึงการเคลียร์บ้านประจำปี ซึ่งนั่นก็เป็นที่มาของการเคลียร์ห้อง โดยเฉพาะเสื้อผ้าที่มีทะลักห้องตัวเองตอนนี้ โดยที่หมายของของที่เราจะรื้อก็คือการส่งไปที่มูลนิธิหรือองค์กรสักแห่งเพื่อรับของของเราไป
เราใช้เวลาช่วงคริสต์มาส ทำการจัดการเสื้อผ้าทั้งหมดในห้อง ทั้งพับ ทั้งจัด ทั้งแยก ส่วนที่แยกโดยส่วนใหญ่จะเป็นเสื้อผ้าที่มีทั้งไม่ได้ใส่แล้วและใส่ไม่ได้ด้วยไซส์ร่างที่เล็กลง 1 ไซส์ (เขินจัง)
นอกจากเสื้อผ้าแล้ว เรายังเอากระเป๋าบางใบที่ไม่ได้ใช้แล้ว กับสมุดโน้ตที่ไม่ได้ใช้ ใส่ลงไปด้วย รวมๆ แล้วก็ 6 ถุง พร้อมกระเป๋า 1 ใบ หมดไป 1 วัน
แต่โดยปกติแล้วในช่วงระหว่างปีก็มีจะแอบเอาเสื้อ, กางเกงบางตัวไปหยอดไว้ที่ห้องแม่บ้าน เพื่อให้เขาเอาไปแจกจ่ายกันต่อกับทีมพี่ยามในคอนโด เพราะผมมั่นใจว่าเขาน่าจะได้เอาไปใช้ต่อได้แน่ๆ
คราวนี้ก็ต้องมาหาข้อมูลที่ๆ จะเอาไปบริจาค จริงๆ ผมก็หาใน Google นั้นแหละ ตอนแรกหาด้วยคำว่า บริจาคเสื้อผ้าบนดอย เพราะครั้งก่อนที่มีไฟไหม้ที่เชียงใหม่ ผมก็เคยส่งกางเกงยีนส์ให้ทีมดับไฟไปแล้ว เลยอยากจะส่งขึ้นไปเชียงใหม่อีกรอบ
มีที่น่าสนใจก็คงเป็นที่ รับบริจาคสิ่งของเพื่อช่วยเหลือน้องๆ บนดอย Donation for Children Thailand แต่ด้วยเสื้อผ้าที่ผมที่จะส่งต่อให้อาจจะไม่เหมาะ เลยข้ามไปก่อน แต่ก็ทดไว้ว่าถ้าเรามีก็จะบริจาคที่นี่ด้วย
ดังนั้นเลยหาเป้าหมายต่อไป ที่จะขับรถไปส่งของไม่ไกลมาก เลยเจอว่า มูลนิธิกระจกเงา ไม่ได้ไกลจากคอนโดเรามาก ประมาณ 9 กิโลเมตร วิ่งไปก็น่าจะชั่วโมงเดียว…จะบ้าเหรอ ขับรถไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็ถึง
ก็เลยเริ่มหาข้อมูลว่าเขารับอะไรบ้าง ปรากฏว่าเค้ารับแทบทุกอย่างเลยโดยเฉพาะเสื้อผ้า ซึ่งจริงๆ แล้วข้อมูลในเว็บบอกว่าถ้ามีของจำนวนเยอะมากๆ สามารถโทรเตรียมมูลนิธิขับรถมารับถึงที่ได้เลยแต่ด้วยระยะทางที่เราดูแล้วว่าไม่ไกล เราขับรถไปให้เขาเลยน่าจะดีกว่า แถมยังได้ไปดูสถานที่จริงด้วยว่าเป็นยังไง
27 ธันวาคม เราเลยขับไปที่นั่น ซึ่งหาใน Google Maps ก็เจอสบายๆ พอเราขับรถไป ก็มีป้ายบอกตั้งแต่ตรงปากซอยวิภาวดีบอกตลอดเส้นทางจนถึงมูลนิธิ
พอไปถึง ก็เจอเจ้าหน้าที่รอโบกรถ เพราะมีรถเข้าออกมูลนิธิตลอดเวลา และมีคนอยู่ในมูลนิธิเยอะพอสมควร ในนั้นมีที่จอดรถได้ประมาณ 7-8 คัน
พอเราจอดรถ ก็มีเจ้าหน้าที่มาทักสวัสดีทันทีพร้อมกับรถเข็นขนของ เราก็สวัสดีตอบกลับ จากนั้นก็ทยอยขนของออกจากรถลงสู่รถเข็น ได้เกือบๆ เต็มรถเข็น เสร็จปั๊ป เจ้าหน้าที่ก็เข็นของเราเข้าไปที่ห้องเก็บของทันทีแบบทำเวลาโคตรๆ ซึ่งของเยอะมากกกกก จากนั้นเจ้าหน้าที่อีกคนก็ทักเรามาว่าเคยมาที่นี่หรือยัง เราก็บอกไปว่า ไม่เคยครับ ก็เลยบอกว่าให้ไปลงทะเบียน แล้วก็ผายมือไปที่โต๊ะลงทะเบียนที่อยู่ไม่ไกลจากที่ขนของลงจากรถนัก
เราตั้งใจจะบริจาคเงินเพิ่มด้วยอีกนิดนึง ก็เลยแจ้งไปว่าเราจะบริจาคด้วยนะ น้องเจ้าหน้าที่ก็บอกว่าให้เรากรอกลงทะเบียนแล้วก็ระบุว่าบริจาคเท่าไหร่ และการบริจาคนี้ไม่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ เราก็บอกว่าไม่เป็นไรครับ ตั้งใจมาบริจาคอยู่แล้ว
น้องเจ้าหน้าที่ถามตอนท้ายว่า เราอยากได้ใบเสร็จไหม เราบอกว่าขอหน่อยแล้วกันครับ ก็หายไปประมาณ 5 นาที ซึ่งระหว่างนั้นเราก็หันกลับไปดูรถที่ยังคงทยอยเข้ามาบริจาคของไม่ขาดสาย ส่วนใหญ่ที่เห็นก็จะเป็นเสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า พวกทีวี เครื่องซักผ้า อะไรแบบนี้เป็นส่วนใหญ่ แล้วก็แอบไปดูว่าที่เก็บของใหญ่ขนาดไหนแบบห่างๆ
จากนั้นน้องเจ้าหน้าที่ก็เอาใบเสร็จมาให้เรา (ยับหน่อยนะ เพราะแวะไปซื้อของเข้าห้องด้วย)
ก่อนกลับผมแอบได้ยินเจ้าหน้าที่คุยกับคนบริจาคคนนึงเรื่องของที่มาบริจาค รู้เป็นข้อมูลว่า ของที่เอามาบริจาคจะยังคงเก็บไว้ที่โกดังที่นี่ประมาณ 3 วัน เพื่อให้คนที่บริจาคสามารถกลับมาเอาของกลับไปคืนได้โดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ เพราะเคยมีกรณีที่เปลี่ยนใจ หรือมีแฟนเอาของรักของหวงมาบริจาคแบบไม่รู้ตัว ซึ่งผมว่าก็ดีแฮะ เผื่อไว้นิดนึง
แต่ก็ต้องทำใจหน่อยนะครับ เพราะของในมูลนิธิมันเยอะมาก ดังนั้นถ้าจะกลับมาหาอีกรอบน่าจะเป็นเรื่องยากไม่น้อย
ใครอยากไปบริจาคก็ลองไปกันดูได้ครับ ถือเป็นการเคลียร์ของเพื่อส่งต่อให้กับคนที่ต้องการต่อไป
- เสื้อผ้า (แยกประเภทหน่อยจะดีมาก พวกเสื้อยืด เสื้อเชิ้ต กางเกง อะไรแบบนี้)
- เครื่องใช้ไฟฟ้า
- คอมพิวเตอร์เก่า พวกมอนิเตอร์ พรินเตอร์ คอมเก่าที่ใช้การไม่ได้แล้ว สามารถเอามาได้หมดครับ (แต่ผมว่าถ้าจะเอามาให้ ก็ขอให้ยังพอใช้งานได้หน่อยก็ดีนะ)
- หนังสือเก่า
- เงิน
เวลาทำการ
- วันจันทร์-ศุกร์ 9.30-18.00น.
- วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 10.00-16.00น.
