ย้อนกลับไปตอนที่ผมทำงานที่ Reuters Software Thailand (ตอนนี้เป็น Refinitiv แล้ว) นับนิ้วดูก็เกือบ 10 ปีที่ผมลาออกมา ซึ่งถ้านับปีที่เริ่มงานจริงๆ ก็กำลังจะครบ 20 ปี แล้ว ซึ่งครึ่งนึงของชีวิตการทำงานของผมปัจจุบันอยู่ที่นี่ มีอะไรหลายๆ อย่างเกิดขึ้นที่นี้จากจำนวนปีที่ผมทำงานที่นี่ แต่สิ่งที่ผมชอบแบบชอบโคตรๆ นอกจาก New Year Party ที่เละเทะกันทุกปี นั่นคือ Appreciate Day
Appreciate คือ การชม ชมเชย ชื่นชม ยกย่อง กับการทำบางสิ่งบางอย่าง ใช้ได้กับทั้งการที่มีคนบอกกับเรา, เราบอกคนอื่น และเราก็สามารถบอกกับตัวเองได้
เมื่อมีใครทำงานดี หรือทำบางสิ่งบางอย่างที่ดีต่อทีมและตัวเอง ก็มักจะได้คำชมเป็นปกติ แต่ส่วนใหญ่ความดีในยุคนี้มักขึ้นอยู่กับตัวเลขหรือตัวเงินเสียเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งผมก็ไม่ได้บอกว่ามันผิด เพราะมันมีหลายมุมที่วัดผลได้ อาจจะวัดได้ ณ เวลานั้น หรืออาจจะเป็นสิ่งที่วัดไม่ได้เป็นตัวเลขเป็นนามธรรม หรือมันจะออกดอกออกผลในอนาคต มันก็ดีหมดสำหรับเรา
ทุกปีของรอยเตอร์จะมีจัด Appreciate Day เพื่อเป็นการกล่าวขอบคุณหรือชมเชยให้กับเพื่อนร่วมงานด้วยการเขียนคำขอบคุณลงในการ์ด นอกจากนั้นก็จะมีการให้ Lead หรือ Manager มาเสริฟน้ำ เสริฟขนม เสริฟของกิน ให้กับลูกทีมที่ทำงานอยู่ในทีม ผมยังจำความรู้สึกนั้นได้ว่ามันดีมากๆ และเรารอคอยอะไรแบบนี้ (แต่เมื่อก่อนก็ออกจะเป็นแนวเห็นแก่กินหน่อยๆ ฮ่าๆ
ด้วยความที่ Appreciate Day มันมีแค่ปีเดียววันเดียว มันก็เลยทำให้รู้สึกว่ามันมีวันแบบนี้ วันที่เราจะชมเชย ขอบคุณสำหรับการทำงานหนัก แค่วันเดียวเท่านั้น พอเช้าวันรุ่งขึ้นมาทุกอย่างก็กลับสู่ภาวะปกติ เหมือนกราฟความสุขที่พุ่งรวดเดียวแล้วก็ร่วงทันที
ส่วนตัวก็เลยคิดว่า Appreciate Day มันไม่ควรมีวันเดียว แต่มันมีได้ทุกๆ วัน และสามารถทำให้มันเกิดขึ้นในทุกที่ที่เราต้องการ (จริงๆ นะ) ซึ่งผมรู้สึกว่ามันควรเป็นแบบนี้มากกว่าการต้องมารอคอยแค่วันเดียว
รูปแบบการพูดชมเชยมันเป็นอะไรที่เรียบง่ายมาก คำขอบคุณที่เราได้รับการช่วยเหลือ นี่ก็เป็น Appreciate แล้ว สมัยก่อนผมว่าคนเราปากหนักที่จะพูดขอบคุณ แต่สมัยนี้มันน่าจะง่ายแล้ว…มั้งนะ
ผมรู้สึกว่าการได้รับคำชม คำขอบคุณ ไม่ว่าจะมาในรูปแบบไหน มันสามารถทำให้ Touch หัวใจได้ โดยเฉพาะคำพูดที่พูดหรือสื่อสารโดยตรงกับเรา หัวใจมันฟูฟ่องมากเลยนะ เพราะผมเคยรู้สึกอย่างนั้นมาแล้ว
และไม่ใช่แค่คนรับ คนที่พูดก็ต้องพูดด้วยความจริงใจและรู้สึกว่าจะชมเชยคนๆ นั้นจริงๆ ไม่ได้เสแสร้งใดๆ หรือชมเป็นมารยาท เพราะเราก็พอจะแยกแยะออกว่าอะไรเป็นอะไรเนอะ
มันเลยเป็นข้อที่ผมยึดไว้ในใจเสมอในช่วงการทำงานหลังๆ ถ้าทำดีแล้วมันดีจริง ต้องเรียบเอ่ยปากชมเลยทันที ไม่ต้องรอให้มีโอกาสอะไร เพราะคำพูดมันสามารถแปรสภาพกลายเป็นแรงผลักดันให้งานมันดียิ่งขึ้นไป หรือเป็นแม้กระทั่งตัวกระตุ้นที่จะสามารถทำให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างที่เราต้องการได้ง่ายและทำออกมาได้ดีขึ้น
ถ้าจิตดี ก็ไม่ต้องมีคุณพุทธ… ไม่ใช่
ถ้าใจเราดี เรา happy ทุกอย่างมันจะถูกขับเคลื่อนไปในทางที่ดี ทางบวกนะ ผมเชื่ออย่างนั้น
ดังนั้นอย่าเก็บสะสมไว้แบบเดือนนึงชมทีนึง หรือรอเป็นปี เพราะโอกาสที่จะ Appreciate นั้นมีได้ตลอดเวลา
เอ่ยปากชมได้ ไม่ต้องรอครับ