เมืองถัดไปที่ผมจะไป เป็นเมืองที่อยู่ไม่ห่างจากโอซาก้าเท่าไหร่นัก และเดินทางไปจากโอซาก้าได้โดยตรงแบบไม่ต้องเปลี่ยนรถไฟ นั่นคือ ฮิโรชิม่า เมืองที่มีประวัติศาสตร์ที่ไม่ค่อยดีนัก เพราะโดนระเบิดปรมาณูจนต้องบูรณะเมืองเป็นการใหญ่
ในหนังสือที่ผมเอามาด้วย อ่านได้จากตอนที่ 1 มีที่ให้เที่ยวให้เมืองฮิโรชิม่าด้วย เป็น Museum เกี่ยวกับการบูรณะบ้านเมือง แต่เนื่องจากผมโหยหาความชิล เป้าหมายของผมที่ฮิโรชิม่านั่นมีเพียงที่เดียว โดยต้องนั่งรถต่อไปที่มิยาจิม่า (Miyajima) นั่นคือ ประตูโทอิริกลางน้ำ ที่คุ้นตามานานนมในทีวีและหนังสือนั่นเอง (เสียงแบบ TV Champion)
จากที่พัก ออกเดินทางไปฮิโรชิม่า ซึ่งตอนแรกจองที่นั่งไปเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ตื่นสายตามฟอร์ม ก็เลยมาขึ้นรถเที่ยวที่ไม่ได้จองที่นั่งไว้ โดยเป็นขบวนชินคังเซนทั้งขาไปและกลับ (แค่ไปกลับก็หมื่นกว่าเยนหล่ะ อิอิ) ใช้เวลาจากโอซาก้า แล้วมาลงที่ฮิโรชิม่า แล้วมาเปลี่ยนขบวนเป็น JR Sanyo มุ่งหน้าสู่ที่สถานี Miyajimaguchi ใช้เวลาทั้งหมดจาก Osaka ประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง
จากนั้นเดินมาขึ้นเรือ JR Ferry ต่อข้ามไปเกาะ Miyajima คือปลายทางของ *ตะเบ๊ะ* เนวิเกเตอร์ …เอ่อไม่ใช่หล่ะ -_-”
และทั้งหมดนี้โชว์บัตรเบ่งล้วนๆ ครับ ไม่ต้องจ่ายเพิ่มแต่อย่างใดครับ ^^
ตัดมาที่เมือง Miyajima เลยนะครับ เมื่อลงรถไฟมาแล้ว ก็ต้องมาขึ้นเรือครับ ซึ่งเดินประมาณ 5 นาทีก็ถึงแล้ว โดยท่าเรือที่จะขึ้นจะมีอยู่ 2 ท่าคือ ท่ายากและท่าง่าย โว้ว…คือ JR และของเอกชนครับ ผมขึ้นท่า JR แน่นอนเพราะว่ามีบัตรเบ่งนั่นเอง
ระหว่างการนั่งเรือ (เรือขนรถไปที่เกาะนั้นได้ด้วย) คนขับเรือจะขับไปใกล้ๆ กับเสาโทริอิกลางน้ำลิบๆ แล้วก็ขับไปจอดเทผมลงที่ท่าเรือบนเกาะ
เมื่อไปถึงเราก็จะเห็นเจ้าถิ่นเดิน นอน กลิ้ง เฝ้าเกาะอยู่ นั่นก็คือน้องกวางนั่นเอง พวกมันจะอยู่กันเป็นกลุ่มเล็กๆ 2-3 ตัว และจะชอบอยู่ใกล้คนที่กำลังกินของกิน เพราะมันจะพยายามมาขอให้เราให้อาหารให้ แต่กวางพวกนี้น่ารักนะครับ ขนนุ่มเสียดัว ผมเดินผ่านทีก็ลูบมันทีนึง
ระหว่างทางก่อนจะถึงศาลเจ้าจริงๆ จะมีร้านรวงต่างๆ เป็นร้านขายขนม และของที่ระลึก ขอกระชากเงิน ผมถ่ายมาแค่ร้านขายหอยนางรมย่าง คนปิ้งนี่เค้าสู้ไฟจริงๆ ~_~
และนี่แหละครับ เสาโทอิริกลางน้ำที่ผมเคยเห็น วันนี้ได้มาดูจริงๆ สวยสมใจอยากครับ เพราะท้องฟ้ามันตัดกับสีเสาจัดๆ ซะจริง แต่น่าเสียดายที่น้ำไม่ลงเยอะมากในช่วงที่ผมอยู่ ไม่งั้นคงได้ไปเดินลอดที่เสาแล้ว อ่อ และมีบริการเรือพายอารมณ์เวี๊ยดน๊าม เวียดนาม บริการพาลอดใต้โทอิริด้วย ถ้าจำไม่ผิด ราคา 450yen ต่อคนนะครับ
ถัดเข้ามาคือส่วนที่ต้องเสียเงินเข้าชมแล้ว นั่นคือศาลเจ้า Isukushima เสียค่าเข้าชม 300yen เดินเล่นๆ เย็นๆ ใจครับ แต่ส่วนตัวแล้วมองว่า แทบจะไม่ต่างจากการชมข้ามนอกมากนักครับ แต่ถือว่าช่วยบำรุงวัดก็แล้วกัน และก็ไม่ลืมจะบูชาเครื่องลางกลับมาด้วย แต่รอบนี้เป็นของอาอี๊เรื่องสุขภาพ
ตอนเดินกลับมาที่ท่าเรือ โชคดีเจอคู่บ่าวสาวมาเข้าพิธีแต่งงานที่นี่ด้วย ด้วยธรรมเนียม(รึเปล่า) ก็จะมีผู้คนปรบมือแสดงความยินดีตามทางไปเรื่อยๆ เจ้าสาวในชุดแต่งงานแบบญี่ปุ่นน่ารักมากครับ ^_^
แล้วผมก็เดินกลับไปยังท่าเรือเพื่อขึ้นรถไฟกลับไปที่โอซาก้า โดยผมแวะเดินแถว Umeda ซึ่งผู้คนคึกคักมาก แทบไม่ต่างกันกับในโตเกียวเลย
ใช้เวลาเดินโต๋เต๋ Windows Shopping ประมาณ 2 ชั่วโมงก็ขึ้นรถ Osaka Loop กลับมาที่พักดังเดิมครับ
วันรุ่งขึ้นผมต้องย้ายเมืองไปนอนอีกที่แล้ว ซึ่งเป็นที่ที่เพื่อนผมตั้งแต่สมัยเรียนประถมได้ทุนมาต่อ Ph.d. ที่นี่(รู้สึกอยากเรียนต่อรัวๆ) นั่นคือเมือง Kanazawa ครับ ไว้รออ่านกันนะครับ
ปล.รูปผมเอาไปแปะใน Facebook เพิ่มเติมด้วยครับ เชิญยลได้ในอัลบั้ม Japan 2011
พี่แบ้ง สวดยวด ถ้ามีโอกาศได้ไป ญี่ปุ่น แนะนำผมหน่อยนะครับ
ได้เลยฮ่ะ
ภาพใสกิ๊ก