รวมผลสำรวจเครื่องมือนักพัฒนาซอฟท์แวร์ปี 2011 และมองเทรนด์ปี 2012

ผ่านพ้นปี 2011 เข้าสู่ปี 2012 อย่างรวดเร็ว นอกจากเวลาที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วแล้ว สิ่งที่เปลี่ยนอยู่ตลอดเวลานั่นคือเทคโนโลยีและคอมพิวเตอร์ที่เราต้องวิ่งตามให้ทันอยู่เสมอ

เบื้องหลังของการพัฒนา ก็ต้องมีผู้พัฒนาระบบหรือโปรแกรมนั้นๆ ขึ้นมาที่เรารู้จักกันดีว่าเป็น Programmer หรือ Developer นั่นเอง และตัวที่จะช่วยให้เค้าทำงานได้ ก็คือเครื่องมือต่างๆ หรือ Developer’s Toolkit นั่นเอง

ด้วยเหตุนี้ ทาง Bestvendor.com – เวปช่วยหางานด้าน IT ในต่างประเทศ จึงได้ทำการสำรวจเหล่านักพัฒนา Software จำนวน 500 คนทั่วโลก ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นอยู่ใน US และยุโรป หัวข้อในการสำรวจคือ “อะไรคือสิ่งที่เค้าเลือกใช้ในการพัฒนา Application หรือระบบ” โดยมีการแบ่งประเภทของเครื่องมือที่ใช้ในการพัฒนาออกเป็น 10 ประเภท โดยแต่ละประเภทมีผลสำรวจมีดังนี้ (ยกมาเฉพาะ 3 อันดับแรก)

  1. Bug Tracking – เครื่องมือใช้ในการติดตามข้อผิดพลาดของระบบหรือโปรแกรม 1) Jira 43% 2) Bugzilla 15% 3) Mantis 8%
  2. Database – ระบบฐานข้อมูล 1) MySQL 56% 2) Microsoft SQL Server 11% 3) PostgresSQL 9%
  3. Framework – โครงร่างหรือขอบเขตในการเขียนโปรแกรม 1) Ruby on Rails 28% 2) Django 11% 3) .net 9%
  4. IDE(Integrated Development Environment) – ตัวช่วยหรือส่วนเสริมในการพัฒนาระบบ 1) Eclipse 39% 2) Netbeans 13% 3) XCode 10%
  5. Project Management – การจัดการโครงการ 1) Pivotal Tracker 23% 2) Redmine 20% 3) Basecamp 15%
  6. Storage – การเก็บข้อมูล 1) Dropbox 75% 2) Crashplan 5% 3) Box.net 5%
  7. Text Editor – เครื่องมือในการเขียนข้อความหรือเขียนโปรแกรม 1) Text Mate 33% 2) Notepad++ 23% 3) Vim 15%
  8. Website Analytics – การวิเคราะห์การใช้งานเวป 1) Google Analytics 85% 2) Mixpanel 2% 3) Pingdom 1%
  9. Web Hosting – Host สำหรับให้บริการพื้นที่ Website 1) Amazon Web Services 21% 2) Rackspace 12% 3) Heroku 8%
  10. Version Control – ระบบควบคุมการเพิ่ม version 1) Git 53% 2) Subversion 31% 3) Mercurial 6%

และจากผลการสำรวจ สามารถสังเกตเห็นแนวทางการใช้งานในปีที่ผ่านมาได้อยู่ 3 จุดคือ

Open Source / Free Service ใครๆ ก็ชอบของฟรี

เพราะปัจจุบันมีเครื่องมือที่เป็น Open Source ให้เราเลือกใช้กันมากขึ้น ด้วยเหตุผลว่ามันสามารถปรับแต่งค่าได้ตามความต้องการของเรา โดยไม่ต้องรอผู้พัฒนามาแก้ไข รวมทั้งมีการปรับปรุงอยู่เรื่อยๆ เพราะจะมีการรายงานการใช้โดยผู้ใช้งานด้วยกันเองตลอด

นอกจากนั้น Free Service ต่างๆ ก็ถูกเลือกมาใช้มากขึ้น ที่มีอย่างผลการสำรวจคือ Google Web Analytic ที่ใช้ในการวิเคราะห์การเข้าใช้งานเวป ถูกเลือกมาใช้เป็นอันดับแรกจากผู้ใช้เกือบ 90%
หากมองในแง่ต้นทุน Open Source ถือเป็นการลดต้นทุนอย่างมาก เพราะแทบจะไม่เสียค่าลิขสิทธิ์ของ Software ในการพัฒนาระบบค่าใช้จ่ายเลย หรือถ้ามีเสียก็น้อยมาก

Multi-Platforms Support ทำงานผ่านหลายๆ Platform ได้

เครื่องมือที่ถูกเลือกโดยส่วนใหญ่จะมีการสนับสนุนให้สามารถทำงานผ่านระบบปฏิบัติการหลักๆ อย่าง Windows, Mac และ Linux ซึ่งถ้าใช้งานได้เพียงอันใดอันหนึ่ง ก็ตอบโจทย์นักพัฒนาที่มีความถนัดในแต่ละระบบปฏิบัติการไม่ได้ซะทีเดียว

Cloud – โยนไปบนฟ้า จะเรียกใช้ที่ไหน เมื่อไหร่ก็ได้

จากผลสำรวจในเรื่อง Storage จะเห็นได้ชัดเจนว่า Dropbox ถูกเลือกเป็นอันดับหนึ่งแบบทิ้งคู่แข่งขาดลอย เพราะว่ามันใช้เทคโนโลยี, หลักการที่ชื่อว่า Cloud

Cloud หรือก้อนเมฆ ถูกเปรียบเทียบให้เป็นพื้นที่ในการฝากไฟล์ ถูกพูดถึงเป็นอย่างมากในปีนี้ เพราะมันอำนวยความสะดวกในการทำงานอย่างมาก เพียงแค่เราสร้างบัญชีของผู้ให้บริการ Cloud และโยนไฟล์งานหรือสิ่งต่างๆ ที่ต้องการไว้ในก้อนเมฆของเรา ซึ่งไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน หรือใช้ระบบปฏิบัติการใดก็สามารถเข้าถึงไฟล์ที่เราฝากไว้ในก้อนเมฆนั้นได้ปกติ และยังสามารถกำหนดให้คนที่เราต้องการเข้าถึงไฟล์ โดยข้อแม้เพียงอย่างเดียวที่ Cloud ต้องการคือ ต้องเป็นที่ที่มีสัญญาณอินเทอร์เนต

ในมุมมองของต้นทุน การมาของ Cloud จะทำให้เพิ่มต้นทุนในการพัฒนาอยู่มาก แต่เมื่อติดตั้งและใช้กับงานแล้ว Cloud จะเป็นจุดศูนย์กลางในการเก็บข้อมูลทั้งหมด ทำให้ลดต้นทุนในการซื้ออุปกรณ์เพิ่มเติมในแต่ละที่ไปทันที เพราะว่าจะมีแค่การเพิ่มเพียงจุดจุดเดียว

แนวโน้มในปี 2012

สำหรับแนวโน้มในการเลือกใช้เครื่องมือหรือเทคโนโลยีในการพัฒนาปี 2012 อาจจะไม่ต่างจากเดิมมากนัก แต่สิ่งที่จับตามีอยู่ 3-4 อย่างคือ

  1. เครื่องมือในการพัฒนาจะยิ่งใช้ง่ายขึ้นไปอีก แต่มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น ด้วยอานิสงค์ของความเป็น Open Source ทำให้ตัวเลือกมีเยอะขึ้น และการที่จะให้เป็นเครื่องมือที่ถูกเลือก ความสะดวกในการใช้งานย่อมเป็นเหตุผลหลักที่จะมาใช้พิจารณา และที่สำคัญ…ฟรี
  2. Web Service จะเป็นที่ยอมรับมากขึ้นและจะถูกนำมาใช้แพร่หลายในธุรกิจมากกว่าเดิมในปีนี้ เพราะไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน เราก็ใช้งานได้ผ่านหน้า Browser ทั้งบนคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์ได้ ใครที่ยังทำเป็น Application อยู่ อาจต้องคิดมาทำ Web Service แทนได้แล้ว
  3. Cloud จะกลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ เพราะคนเลือกจะเก็บข้อมูลกันบนอินเทอร์เนตมากขึ้น เพราะไม่ต้องไปพกอุปกรณ์เพื่อขนถ่ายข้อมูล
  4. Mobile Application Tools ด้วยความเติบโตของตลาด Smartphone และ Tablet ไม่ว่าจะ Google Android หรือ Apple iPhone ที่ยังไม่เห็นว่าจะลดลงไป จะทำให้มีเครื่องมือที่ออกมาตอบโจทย์นักพัฒนาเพิ่มขึ้น ตามความต้องการของตลาดที่มีสูงขึ้นเรื่อยๆ

คงต้องมารอดูผลปลายปี 2012 เมื่อมีการสำรวจกันอีกครั้ง แต่เครื่องมือที่ติดในอันดับต้นๆ ในปี 2011 ก็อาจเปลี่ยนไปเป็นหน้าใหม่ๆ เมื่อความต้องการของคนไม่มีที่สิ้นสุด เครื่องมือก็จะต้องถูกพัฒนาออกมาเพื่อตอบสนองความต้องการนั้นต่อไปเรื่อยๆ

ทั้งนี้ทั้งนั้น เป้าหมายปลายทางก็เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของตลาดผู้ใช้งาน ทั้งในแง่นักพัฒนาหรือผู้ใช้ระบบนั้น ให้ได้รับความสะดวกสูงสุดนั่นเอง

ที่มาของข้อมูล : bestvendor.com

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.