ผมเขียนสรุปงาน Apple Event Special September 2014 ไว้แล้วที่ thumbsup มาในพื้นที่ของตัวเองก็ขอพูดถึงทรรศนะต่อการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ของตัวเองบ้างนะครับ
ปกติเวลามี Keynote จากทาง Apple แทบทุกครั้ง ผมเองจะไม่ค่อยได้ออกงานเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะนั่งตามฟัง Live Blog หรือดูถ่ายทอดสดที่บ้านผ่านอุปกรณ์ต่างๆ (Apple TV งี้) แต่ครั้งนี้ทาง MacThai มีงาน Live Keynote เลยขอไปร่วมสนุกชิงเข้างานบ้าง (ไม่ได้ใช้สิทธิใดๆ) แล้วก็ได้แฮะ ก็เลยได้ไปกับเขาในฐานะแฟนแอปเปิลคนหนึ่ง (แถวบ้านเรียกติ่งนั่นแหละ)
เตรียมตัวก่อนไปงาน
คืนวันงาน 9 กันยายน ผมเตรียมตัวด้วยการกินกาแฟตั้งแต่เที่ยง+หัวค่ำ เพื่อไม่ให้นอน เพราะหลังจากงานจบผมมีงานที่ต้องทำก็คือการเขียนสรุปลงบนเว็บที่ผมเป็นเจ้าของร่วมอย่าง thumbsup ด้วย ซึ่งก็ได้ผล นั่งกันยัน 6 โมงจนคิดอยากจะออกไปวิ่งที่สวนจตุจักร 555
ภายในงานสนุกดีครับ มีอ.ศุภเดช แห่งแบไต๋+เดอะรีวิวเวอร์, เอ็ม @khajochi และแมค @themacci มาเป็นคนดำเนินรายการ แล้วผมก็โดนถามคำถามว่าหวังว่าจะเจออะไร ผมก็เลยบอกไปประมาณว่า (คือจำไม่ได้แล้วครับ จำได้แต่ขอทวนคำถามแต่อ.ศุภเดช) แต่สุดท้ายผมก็บอกไปว่านาฬิกามันมาแน่ มาให้เห็นแต่ยังไม่ขายทันทีหรอก (ซึ่งเดาถูกหว่ะ)
ภาพรวมของการ Live KeyNote
ทีม Live Streaming ของ Apple เตรียมตาย…
ด้วยความที่คนอาจจะเข้ามาเยอะ หรือการจัดการที่มีข้อผิดพลาด ทำให้ในช่วงแรกๆ ไม่สามารถดูได้อย่างราบรื่น แถมมีซับจีนมาให้ฟังด้วย ซึ่งแน่นอนว่าหน้าจีนๆ อย่างผม …ฟังไม่ออกหรอกครับ แต่สำหรับในงานก็อาศัยผู้ดำเนินรายการทั้ง 3 คนมาแก้สถานการณ์ ด้วยการใช้ Live Blog ของ TheVerge มาบรรยายเสริมระหว่างการรอแก้ไข (ซึ่งเจอสถานการณ์ที่เข้าไปหน้าเว็บไม่ได้เลย access denied) จนสุดท้ายก็ค่อยๆ ลื่นๆ หน่อย โดยเฉพาะช่วงปล่อยนาฬิกากระชากเงิน…
iPhone ใหม่ สุดทางแห่งการออกแบบที่ทำไม่เสร็จแล้วรีบเอามาเปิดตัว
ต้องบอกว่าภาพที่เห็นตั้งแต่หลุดมาจนถึงวันเปิดตัวก็ไม่ค่อยประทับใจเลยยย ความ Classic มันหายไปแบบเกลี้ยงเกลา การเอาแถบเส้นหนาๆ เหมือนแถบแดงเอาไว้แกะห่อบุหรี่มาวางไว้รอบตัวรอถูกแกะ ผมว่ามันแปลกๆ อยู่ ถ้าเทียบความคลาสสิกแล้ว 5s สวยกว่ามาก
ส่วนตัวผมยังมองว่าความหนาของ iPhone 5, 5s เป็นความหนาที่ยอมรับได้ อาจจะเป็นไปได้ว่า Apple พยายาม #ThiniPhoneChallenge ตัวเอง ซึ่งเมื่อมันบางลง กล้องก็ต้องมีวงแหวนโผล่มาเป็นติ่งกล้อง ยากต่อการวางราบเรียบบนพื้น
…หรือเขาไป due กับคนขายเคสไว้แล้ว?
ส่วนภาพรวมอื่นๆ ด้าน performance ผมว่ามันดีขึ้นหมดหล่ะ แต่สิ่งที่น่าประทับใจสุดก็คงจะเป็นกล้องที่เก่งขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะการถ่าย Slo-mo ที่เก่งกว่ากล้อง Go Pro อีก(เห็นเพื่อนว่าอย่างนั้น) ถึงแม้ว่าจะมีความละเอียดของกล้องหลังจะมีแค่ 8 ล้านก็ตาม
ถ้าผมจะเรียกมันว่า iPhone ที่มาสุดทางของมันแล้วก็คงจะไม่ผิดนัก แต่ผมจะไม่บอกหรอกว่ามันเดินตามใคร เพราะพฤติกรรมของคนทุกวันมันเปลี่ยนไปตลอดหล่ะครับ ไม่ต้องแซะมาก และเทรนด์ต่อไปที่น่าสนใจกว่าตัวเครื่องคือ iOS version ต่อๆ ไป ที่มันจะเก่งขึ้น เก่งขึ้นไปอีกเรื่อยๆ เก่งจนอีกค่ายออกมือถือใหม่เพื่อ OS ใหม่ที่ใช้กับรุ่นเก่าๆ ไม่ได้ หุหุ
เค้ามาแล้วนะตัว… Apple Pay
จำได้ว่าตอนผมเขียนหนังสือ iPhone 4S เริ่มมีการเดากันว่าจะมี NFC มาอยู่บนเครื่อง ซึ่งช่วงนั้นบางค่ายก็ออกมาแล้ว คือออกมาให้รกพื้นที่เครื่องอ่ะ ใช้อะไรไม่ได้
สุดท้ายปีนี้ Apple ก็ยอมเข็น NFC ออกมาใน iPhone 6 ทั้งสองรุ่น หลังด้วยการที่เขาสร้าง ecosystem ไว้หมดแล้ว รายใหญ่ๆ ทั้ง AMEX, Mastercard, VISA นี่ก็กินไปแทบจะทั้งโลกแล้ว ซึ่งอีกฝั่งเขา… ตามนั้นหล่ะครับ
ในเมื่อ Apple มา Mobile Payment ที่หลายคนรออยู่ก็ถึงคราวปลดลอค นับตั้งแต่ตอนนี้ไปน่าจะเป็นยุคแห่ง Mobile Payment ที่สมบูรณ์แบบ และมี ecosystem ที่ค่อนข้างครบ (แม้จะไม่สมบูรณ์ในตอนนี้ก็ตาม) ให้ใช้งานกับคนทั่วโลก ที่ไม่ใช่เพียงแค่แตะ BTS เท่านั้น
One More Thing… One More ตุ่ม Crown
ไฮไลท์สำคัญในงาน ที่ออกมาเรียกเสียงแซะจากอีกฝั่งได้ (ถามว่าแคร์ไหม Who Care?) จริงๆ ผมไม่สนหรอกว่าใครจะทำมาก่อน แต่สนว่า ใครทำอะไรออกมาแล้วมันโดนใจและตรงกับชีวิตไลฟ์สไตล์ คนนั้นก็จะได้เงินไป
สำหรับ Apple Watch (ที่หลายคนยังติดปากว่าเป็น iWatch) ยังไม่ค่อยโดนเท่าไหร่ด้วยรูปลักษณ์ แต่ถ้าเป็นเรื่อง UI ที่มาในแบบ Tsum Tsum และ UX คลึงตุ่ม ผมชอบมากในจุดนี้ จะเสียดายก็แค่ว่ามันไม่ทำหน้าปัดให้กลม ซึ่งก็เข้าใจ(ไปเอง)ว่าเขาคงลองทำไปแล้วหล่ะ แต่มันไม่ใช่ในการใช้งานก็เลยต้องออกมาเป็นเหลี่ยม (ผมชอบกลมๆ มากกว่าอ่ะ มัน feeling นาฬิกากว่า)
สิ่งที่ผมชอบนอกจาก UI (User Interface) และ UX (User Experience) ก็คือการไม่พยายามยัดอะไรลงไปมากที่จะทำให้ไม่ใช่นาฬิกา ซึ่งการใส่ Crown หรือเม็ดมะยมใน Apple Watch ทำให้ทุกอย่างจากดูไฮเทคก็กลายเป็นทำให้มันดูเป็นนาฬืกามากขึ้นเยอะ! รวมทั้งและไม่พยายามใส่อะไรประหลาดๆ โดยเฉพาะกล้อง ซึ่งส่วนตัวผมมองว่า “ไร้สาระมาก” (ถ้ารุ่นหน้าใส่มาให้ ผมก็ถือว่ามันไร้สาระนั่นแหละ 555) เอ็งจะเอาไปสปายชอตหรือไร…
แบตเตอรี่เป็นสิ่งที่ Apple ยังไม่กล้าบอก ซึ่งเชื่อว่านาฬิกาทำได้ขนาดนี้ ก็น่าจะได้อย่างมาก 1 วันหรือวันครึ่ง ด้วยความหนาของตัวเครื่อง ที่หนาพอตัว ก็น่าจะทำให้อยู่ได้ แต่ที่ต้อง tune up กันคงเป็น software ด้านใน ที่จะทำอย่างไรให้กินแบตน้อย ซึ่งโจทย์นี้โคตรใหญ่!
ส่วนการออกมาเป็น 3 รุ่น 2 ขนาดหน้าจอ ผมมองว่ามันคือการกว้านคนทุกเผ่าชนมาให้หมด คนอยากใช้ smartwatch, คนชอบออกกำลังกาย (ข้อเสียคือไม่มี GPS) คนชอบความหรูหรา ขนาดสำหรับชายและหญิง combination มันครบครันซะเหลือเกิน ไม่รวมถึงสายที่เปลี่ยนกันแบบวาไรตี้ด้วย (เหมือนจะออกมาเอาคืนที่ขายเคส iPhone รุ่นก่อนไม่ค่อยออกสินะ)
การเดาของผมคือ ในรุ่นต่อๆ ไปน่าจะเห็นความเป็นแฟชั่นมากกว่าเดิม จากการไปกวาดชาวบ้านจากแบรนด์ดังๆ มาช่วยออกแบบ
[blockquote source=”มิตรสหายท่านหนึ่ง”]และ Apple ก็จะกลายเป็นบริษัทที่มี ecosystem ที่แกร่งมากๆ , มีนวัตกรรมที่ไม่แพ้ใคร, UX UI ที่ให้คนไปลอก และความเป็นแฟชันสูง![/blockquote]
สรุป เป๋าแบนอยู่ดี
แม้การ design ที่ทำออกมาแย่ในสายตาผมสำหรับ iPhone 6 แต่สำหรับผมแล้ว ผมก็ยังเลือกที่จะซื้ออยู่ดีหล่ะครับ แต่รอบนี้คงเอาแค่ 4.7 พอ เพราะผมมองว่า 5.5 ใหญ่ไปสำหรับผม และพกยากหากจะเอาไปวิ่งด้วย ส่วน Apple Watch ผมขอดูของจริงก่อนว่าเป็นอย่างไร
แต่ดูแล้ว จะช้าจะเร็ว ปลายทางของ เหมือนกัน…เป๋าแบนแน่นอน
ด้วยความขอบคุณจากทีมงาน #paobanteam