สัปดาห์ที่ผ่านมาผมนั่งฟังอะไรก็ไม่รู้ของผมไปเรื่อยๆ แบบ Random แล้วก็ได้ยินคำนึงผุดขึ้นมา นั่นคือชื่อบล็อกตอนนี้นั่นเอง ซึ่งผมฟังแล้วก็รู้สึกชะงักเหมือนฉุกคิดอะไรได้บางอย่าง และก็มีความคิดว่าบล็อกต่อไปคงต้องใช้คำว่า “ปัจจุบันขณะ” มาตั้งชื่อนี่แหละ แต่สุดท้ายก็ปล่อยให้มันดองทิ้งไว้แบบไม่มีอะไรคืบหน้า
จนมาถึงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมมีโอกาสแวะไปหาเพื่อนที่รู้จักจากกระเป๋า Freitag ซึ่งผมเองไม่ได้เจอหน้ากันทั้งครอบครัวมานานแล้ว ซึ่งเขาเพิ่งจะเปิดร้านกาแฟเล็กๆ ที่บางแสน ชลบุรี พร้อมกับมีโชว์กระเป๋าลายที่หลายๆ คนอยากจะได้ในยุคนั้นที่เรียกว่า Comic โดยร้านกาแฟชื่อว่า Shack Cup,, ตามชื่อเจ้าของนั่นเอง
การขับรถไปกินกาแฟไกลถึงบางแสนอาจไม่สำคัญเท่าการได้ทักทายและพูดคุยกัน เพราะผมเองก็ไม่ได้เจอกับครอบครัวนี้นานแล้ว จะเจอกันก็ผ่านสื่อสังคมออนไลน์เป็นช่องทางหลัก ซึ่งมันก็ไม่สู้การได้เจอตัวเป็นๆ อย่างแน่นอน
บทสนทนามีหลากหลายมาก เพราะการพูดคุยมันช่วยให้การรอกาแฟถูกลืมไป เพราะตัวเจ้าของเองทำแบบพิถีพิถันมาก ซึ่งปกติผมจะกินกาแฟอยู่แล้ว แต่ก็ไม่เคยเห็นการเตรียมทุกสิ่งอย่างจนได้เป็นกาแฟ 1 แก้วนานขนาดนี้
นอกจากการถามสารทุกข์สุกดิบแล้ว ก็เป็นเรื่องสิ่งที่เราได้เจอได้ผ่านมา ซึ่งจากที่เราก็ได้รับรู้ผ่านการช่องทางออนไลน์นี่แหละ และเราก็ได้เพียงส่งความห่วงใยไปให้ในฐานะคนที่รู้จักกัน
หัวข้อนึงที่วกกลับมาเกี่ยวข้องกับร้านกาแฟคือความสุขและการทำงาน เราทุกคนล้วนแสวงหาความสุขใส่ตัวในรูปแบบที่ต่างกันไป แต่ลึกๆ แล้วจะมีบางสิ่งบางอย่างที่เรารู้สึกว่าเราทำแล้วสุขใจ ไม่สุขกายแต่ถือเป็นการผ่อนคลายจากการงานที่ต้องทำเพื่อดำรงชีพเป็นหลักในช่วงวันทำงานจันทร์ถึงศุกร์ ซึ่งก็เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เจ้าของร้านเลือกที่จะหยิบความชอบที่ติดตัวมาจากการได้ไปทำงานที่ร้านกาแฟในออสเตรเลีย มาสานต่อเป็นความสุขในการชงกาแฟให้ลูกค้าได้ดื่มกัน
อย่างที่บอกไปว่า เรื่องที่ผ่านมาของครอบครัวนี้ในช่วงปีสองปีที่ผ่านมามันดูหนักหนาพอสมควร มันเลยกลายเป็นว่าสิ่งที่เรากลับมาคิดและมองหาเรื่องความสุข กลายเป็นเราเลือกที่จะโฟกัสกับสิ่งที่เราชอบและสามารถลงมือทำมันได้ทันทีโดยไม่เดือดร้อนมาก ซึ่งเขาก็เริ่มลงมือทำสิ่งที่สามารถเติมความสุขของเขาได้ในห้วงเวลานี้และในทุกๆ วันนับจากนี้
ผมอาจจะนิยามว่ามันคือการหาความสุขในช่วงปัจจุบัน ซึ่งก็เท่ากับเรารู้ตัวเรารู้ตัวเองในปัจจุบันขณะ
ในบล็อกอายุ 40 ปีของผมก็มีพูดถึงเรื่องนี้ไว้คร่าวๆ เช่นเดียวกัน เพราะผมเริ่มตระหนักการเพิ่มพูนความสุขที่เราสามารถทำได้ และ enjoy กับมันได้ใรช่วงเวลาที่เรายังมีชีวิตอยู่ในตอนนี้ ซึ่งมันเป็นความคิดที่เพื่งเข้ามาในหัวผมเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา หลังจากเจอมรสุมเกี่ยวกับงานและสุขภาพ
การได้นั่งพูดคุยกันโดยมีเครื่องดื่มที่ผ่านการชงอย่างดี ถือเป็นตัวช่วยในการสร้างบทสนทนาที่ดีมากๆ ผมไม่อยากบอกว่ามันคุ้มค่าการขับรถมาเพื่อกินกาแฟ 2 แก้วที่บางแสนหรือเปล่า แต่มันเป็นการฮีลจิตใจตัวผมเองด้วยเพราะผมชอบการพูดคุยแลกเปลี่ยนผ่านประสบการณ์ที่ผ่านมา
น่าเสียดายที่อาจจะไม่ได้มีเวลานั่งพูดคุยมากนัก ด้วยลูกค้าที่เข้ามาใหม่ทำให้เจ้าของร้านต้องกลับไปโฟกัสเรื่องการทำกาแฟแต่ละแก้วอย่างจริงจัง
แต่ผมเชื่อได้ว่า แค่เราได้พูดคุยกันแบบได้เห็นสีหน้าค่าตา รับรู้ถึงอารมณ์ความรู้สึก และรับรู้ถึงมวลพลังความสุขที่เกิดขึ้นภายในร้านผ่านกลิ่นกาแฟและบทสนทนา พร้อมแมวอีกหลายตัวที่หลับให้เราเห็น มันช่วยเตือนให้เรารู้ตัวว่าเรายังอยู่ อยู่กับปัจจุบัน และควรสร้างและอิ่มเอมไปกับความสุขในทุกๆ วัน ผ่านรูปแบบต่างๆ เพื่อให้วันต่อๆ ไปเราสามารถรับมือกับบางสิ่งบางอย่างที่มันตัองเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็ว
แต่อย่างน้อยๆ เราก็มีความสุขในเวลานี้ ณ ปัจจุบันขณะ 🙂